เก่งหลังเกมส์
SET Index โค้งสุดท้าย ปิดตลาด -5.22 จุด -0.41% ปิด 1,254.03 จุด มูลค่าการซื้อขาย 2.36 หมื่นล้านบาท โดยไม่มีปัจจัยสำคัญอะไรใหม่ เป็นภาพของการรอ Fed Minutes Sector ที่ปรับขึ้นและหนุนดัชนีคือ กลุ่มชิ้นส่วน DELTA กลุ่มประกันชีวิต TLI กลุ่มวัสดุก่อสร้าง SCC, กลุ่มปิโตรเคมี IVL ฯลฯ ในทางตรงข้ามกลุ่มที่ปรับลงและกดดัชนีหลักๆคือ กลุ่มขนส่ง THAI, กลุ่ม ICT(ADVANC) ฯลฯ
หุ้นที่เคลื่อนไหวเด่น คือ
SAV +9.43% OSP +1.94%
หุ้นที่ทำธุรกิจเชื่อมโยงไทย – กัมพูชา ปรับขึ้นรับข่าว ไทย – กัมพูชาบรรลุข้อตกลง “หยุดยิง” ชั่วคราว 72 ชั่วโมง (ถึงเที่ยง 30 ธ.ค.) สถานการณ์ที่เริ่มคลาย บวกต่อ SET อิงเศรษฐกิจ 7 จังหวัดติดกัมพูชา 2.9% ของ GDP กอปรกับ ลดความเสี่ยงประเด็นดังกล่าวอาจจะเป็นอุปสรรคการจัดเลือกตั้ง ขณะที่บวกต่อหุ้นที่มีธุรกิจเชื่อมโยงกัมพูชา (CBG, SAV, BDMS, OR OSP)
MAJOR +0.72%
ปัจจัยหนุนราคาหุ้นมาจาก 1.) ปัจจัยพื้นฐาน ทั้ง แนวโน้มกำไร 4Q25F เพิ่ม qq ตามฤดูกาล (มีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เข้าฉายหลายเรื่อง รายได้ค่าโฆษณาเพิ่ม qq ผสาน คาด 1Q26F อาจเป็นอีกไตรมาสที่รายได้ Box office จะทำสถิติสูงสุด (เทียบกับ Q1 ด้วยกัน) ในรอบหลายปีจากมีภาพยนตร์ไทยฟอร์มใหญ่เข้าฉายหลายเรื่อง เช่น “สัปเหร่อ2” และ “ครุฑา นาคี” เป็นต้น 2.)ปัจจัยพยุงราคาหุ้นคือ โครงการซื้อหุ้นคืน 3.) เป็นหุ้น High Dividend ปีละ 4 – 5% คงคำแนะนำ Buy ราคาเป้าหมาย (TP25F) 11.40 บาท
AEONTS +2.99%
มีจิตวิทยาบวกจากช่วงปลายปี กระแสการบริโภคช่วงเทศกาล หนุนการรูดบัตรเครดิต ผสานกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยไทยปี 2026 มีโอกาสปรับลงต่อ โดยรวมเราคงคำแนะนำ BUY ที่ TP 140 บ. เพราะ i) คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในกรอบที่บริหารจัดการได้ ii) ความเสี่ยงเรื่องค่าใช้จ่ายสำรองจำกัด เพราะมีสำรองพิเศษ iii) เงินปันผลน่าสนใจ dividend yield คาดที่ 5% iv) ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง v) มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของ ธปท. คาดจะช่วยลดปัญหาการตกชั้นของลูกหนี้
MOSHI +2.99%
ปรับขึ้นจากมุมมองปัจจัยพื้นฐานเด่น ทั้ง ภาพการเติบโตระยะยาว โดยประเมินกำไร 3 ปีหน้าเติบโต CAGR 18% ต่อปี ทิศทางระยะสั้น คาด SSSG ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว และกลับมาเติบโตตามปกติ โดย คาดกำไร 4Q25F ยังเติบโต y-y, q-q และกำไรปี 2025F 617 ลบ. (+18% y-y) ยังมี Upside risk อีกราว 6% จากอัตรากำไรที่ดีกว่าคาดแนะนำ Buy จาก TP26F 52.0 บาท
