Our View? ”เข้าใกล้แนวต้าน”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,660 / 1,650 และแนวต้านที่บริเวณ 1,675 / 1,683 เมื่อวานนี้ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิมตามที่ตลาดคาด ขณะที่ ECB จะยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) วงเงิน 1.85 ล้านล้านยูโรในเดือน มี.ค. รวมทั้งแสดงท่าทีกังวลการเร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้อ และส่งสัญญาณมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ในฝั่งของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 0.50% ตามที่ตลาดคาด เพื่อสกัดการเร่งตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ เรามองปัจจัยดังกล่าวข้างต้นสะท้อนภาพธนาคารกลางที่สำคัญของโลกกำลังเข้าสู่การใช้นโยบายทางการเงินท่ีเข้มงวดมากข้ึน ซึ่งจะส่งผลให้กระแสเงินทุนส่วนเกินลดลงในระยะถัดไป

ในส่วนของการเคลื่อนไหวของตลาดสหรัฐท่ีปรับตัวลงแรงเมื่อคืนน้ี จากการท่ี Meta Platforms ปรับตัวลดลงกว่า 26.39% หลังรายงานผลประกอบการออกมาแย่กว่าท่ีตลาดคาดไว้มาก กดดันภาพรวมตลาดสหรัฐ คาดจะไม่ส่งผลกระทบต่อทิศทางตลาดในภูมิภาครวมถึงตลาดหุ้นไทย

ขณะที่เมื่อคืนนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐ (US Bond Yield) ฟื้นตัวข้ึนแรงท้ังรุ่นอายุ สั้น-ยาว โดยเช้าน้ีรุ่นอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 1.8396% (+4.05%) เรามองการเร่งตัวขึ้นเร็วเกินไป จะเป็นปัจจัยกดดันส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนสินทรัพย์เสี่ยงต่อสินทรัพย์ปลอดภัย (Earning Yield Gap) จำกัด Upside การฟื้นตัวของราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน มี.ค. เมื่อคืนนี้ปรับตัวข้ึนได้ดีปิดที่ระดับ 90.27 ดอลลาร์/บาร์เรล +2.01 ดอลลาร์ (+2.28%) ได้ปัจจัยหนุนจากการที่ The Price Futures Group คาดการณ์พายุฤดูหนาวในสหรัฐมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน รวมถึงจะส่งผลให้ความต้องการใช้เชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-NATO ต่อรัสเซียในวิกฤตยูเครน โดยล่าสุดสหรัฐส่งทหาร 3 พันนายเข้าประจำการในยุโรปตะวันออก คาดจะยังหนุนราคาน้ำมันทรงตัวอยู่ในระดับสูงได้อยู่

ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศ เรายังคงชอบหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB และ TTB) ท่ีคาดการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะเริ่มเป็นแรงหนุนให้สินเช่ือกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง รวมท้ังทิศทางดอกเบี้ยโลกเริ่มปรับเปลี่ยนเป็นขาขึ้น พร้อมท้ังการตั้ง ECL ที่คาดจะเริ่มปรับลดลงตั้งแต่ในช่วง 1Q’65 รวมทั้งหุ้นในกลุ่มบริหารสินทรัพย์ (AMC) (JMT, BAM และ CHAYO) ที่คาดจะได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการที่ ธปท. ออกหลักเกณฑ์การร่วมทุนระหว่างธนาคาร – AMC ที่สามารถตั้งกินการร่วมทุน (JV) ในสัดส่วน 50-50 ได้ ในส่วนของหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม (AOT, MINT, CENTEL และ ERW) คาดจะมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น หลังรัฐบาลอนุมัติการกลับมาเปิดใช้มาตรการ Test & Go อีกครั้งในวันที่ 1 ก.พ. นี้ รวมทั้ง Bloomberg จัดอันดับ The Covid Resilience Ranking ให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่รับมือกับ COVID-19 ได้ดีที่สุดเป็นอันดับท่ี 26 จาก 53 ประเทศ จากเดิมที่อยู่ท่ีอันดับ 44 ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือน ธ.ค. ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องอยู่ท่ีระดับ 2.3 แสนรายแล้ว รวมท้ังคาดตลาดยังรอดูการประกาศผลประกอบการของบจ. ในตลาดต่อ

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “THCOM”

แนวรับ 10.40 / 10.20 Target 11.20 / 11.90 Stop <9.90

- Advertisement -