Daily Focus Earnings and Value Play
ตลาดหุ้นวานนี้ :
SET Index แกว่งตัว Sideways โดยมี Upside ที่จำกัดขึ้นตามคาด ดัชนีปิดบวกได้อีกเล็กน้อย 1.30 จุด การปรับขึ้นลงของหุ้นค่อนข้างกระจัดกระจายไร้ทิศทาง สถาบันในประเทศยังคงซื้อสุทธิในตลาดหุ้นอีก 922 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิบางๆ 54 ลบ. (แต่ Long SET50 Index Futures สูงถึงกว่า 3 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ :
เราคาด SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,660-1,675 จุด กลุ่มพลังงานคาดนำตลาดวันนี้ หลังราคาน้ำมันดิบ WTI ทะลุ US$90 ต่อบาร์เรล จาก Demand ที่แข็งแกร่ง ขณะที่ Supply จาก OPEC+ ยังคงเพิ่มขึ้นเดือนละ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่ม Tech และ Growth คาดกลับมาถูกกดดันอีกครั้งหลังตาม Nasdaq ที่ร่วงแรง และ Bond Yield สหรัฐฯที่ยังปรับขึ้น ส่วนการประชุม BoE (ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 0.5%) และ ECB (คงอัตราดอกเบี้ย) เป็นไปตามตลาดคาด ซึ่งแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกจะทยอยตึงตึงตัวขึ้น ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงอยู่ที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนใน 4Q21 ต่อเนื่อง 2022 ซึ่งเชื่อว่ายังเป็นโฟกัสหลักของตลาด และทำให้กระแสเงินทุนยังคงอยู่ในทิศทางไหลเข้าในระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์จึงยังเน้นลงทุนในหุ้นที่คาดมีกำไร 4Q21 แข็งแกร่ง และ Value Play ที่ PER/PBV ไม่สูง
กลยุทธ์: เลือกลงทุนในหุ้น Value และมีแนวโน้มกำไร 4Q21 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน ก.พ.: GFPT, HMPRO, PJW, SC, TKS
หุ้นเด่นวันนี้: JWD
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23 บาท
- แนวโน้มกำไร 4Q21 ยังอยู่ในระดับสูงแข็งแกร่งต่อเนื่องจากธุรกิจ Logistic ที่ยังแข็งแกร่ง หนุนกำไรปกติทั้งปี 2021 +25% Y-Y ทั้งที่มี Lockdown (กำไรสุทธิ +80% Y-Y)
- กำไรปี 2022 ที่คาด +29% Y-Y อาจมี upside จาก Synergy เต็มปีที่ได้จากการลงทุน 6 ดีลในปีก่อนทั้ง ESCO, Fuze Post, MyCloudFulfillment, Alpha และมีแผนสร้างห้องเย็นเพิ่ม ขยายบริการสู่ธุรกิจ Health care Logistic solution รวมถึงธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะเวียดนามและกัมพูชาที่จะฟื้นเร็วหลังโควิด และมีแผน IPO JWD Transport ใน 4Q22
• แนวรับ 20.50//20 บาท แนวต้าน 21.50//22-22.50 บาท
Fund Flow:
วานนี้กระแสเงินทุนยังคงเบาบาง แต่ค่อนไปในทางไหลเข้า นำโดยเกาหลีใต้ US$90 ล้าน ส่วนอาเซียนไหลเข้าอินโดนีเซียมากสุด US$32 ล้าน ส่วนไทยไหลออกบางๆ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดยังค่อนไปในทางไหลเข้า แต่ปริมาณยังเบาบาง เนื่องจากบางตลาดยังคงปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) DELTA คาดกำไร 4Q21 ฟื้นตัว +46% QQ, +10% Y-Y หลัง COVID-19 คลี่คลาย แต่โดยรวมยังฟื้นช้ากว่าที่เคยคาด เพราะปัญหา Raw Material Shortage จบปี 2021 คาดกำไร -11% Y-Y ส่วนแนวโน้มปี 2022 คาดผ่อนคลายขึ้นโดยบริษัทตั้งเป้ารายได้โต 10%-20% Y-Y เรายังคงประมาณการกำไรปี 2022 +60% Y-Y ทำ New High และคงราคาเป้าหมาย 330 บาท อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นยังเต็มมูลค่า จึงคงคําแนะนํา “ขาย”
(+) MAJOR เราคาด 4Q21 มีลุ้นพลิกมีกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส หนุนโดยหนังทำเงินอย่าง Spiderman และ 4 Kings ขณะที่โมเมนตัม 1Q22 จะชะลอตัวลงตาม Ling Up หนังที่เข้าฉายก่อนเร่งตัวขึ้นอีกครั้งใน 2Q22 นอกจากนี้คาดมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการหาแหล่งรายได้ใหม่ๆ จากการขายสินค้าและนำ Popcorn เข้า 7-11 เราปรับกำไร ปี 2022 ขึ้น 866 ลบ. พลิกจากขาดทุนในปี 2021 ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 25 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)
(+) EKH คาดกำไร 4Q21 ของ EKH -65% Q-Q ตามสถานการณ์ระบาดของ COVID 19 ที่ดีขึ้น แต่ยัง +21% Y-Y หนุนกำไรปี 2021 คาดจบที่ +330% Y-Y โมเมนตัมกำไร 1Q22 เบื้องต้นคาดทรงตัวดี Q-Q จากโอมิครอนที่ระบาด และช่วยชดเชยลูกค้า IVF ชาวจีนที่ฟื้นช้ากว่าคาด ภาพรวมกำไรปี 2022 คาดชะลอ -46% Y-Y แต่ยังคงสูงกว่าปี 2019 ซึ่งดีที่สุดก่อนมี COVID-19 เรายังคงราคาเป้าหมาย 9.40 บาท ระยะยาวได้อานิสงส์จาก ทั่วโลกที่ทยอยเปิดประเทศ รวมถึงการลงทุนต่อยอดจากธุรกิจโรงพยาบาล คงคำแนะนำ “ซื้อ”
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 518.17 จุด หรือ 1.45% ปิดที่ 35,111.16 จุด หลังจากบริษัท Meta Platforms ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Facebook เปิดเผยผลประกอบการต่ำกว่านักวิเคราะห์คาด ส่งผลให้หุ้นบริษัทเทคโนโลยีและ Social Media รายอื่นปรับลงเช่นกัน ขณะที่เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐลดลงเป็น 238,000 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมา กว่านักวิเคราะห์คาดที่ 245,000 ราย และสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ 261,000 ราย
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ กดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 0.50% ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่มี รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-บริการของยูโรโซนปรับลงเป็น 52.3 ในเดือนม.ค. จาก 53.3 ในเดือนธ.ค. ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ขั้นต้นที่ 52.4
(0) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวผสม ท่ามกลางแรงกดดันจากการปรับลงขอหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตามตลาดดาวโจนส์ ขณะที่ตลาดหุ้นจีนยังปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.05 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 2.01 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 90.72 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์ว่าสภาพอากาศหนาวเย็นจากพายุฤดูหนาวในสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน และโรงกลั่นน้ำมันหลายแห่ง ต้องปิดทำการ ท่ามกลางความต้องการใช้เชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 6.20 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,804.10 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,014.84 / -1.75








