บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action
BUY (Maintain)
TP upside (downside) +33.3%
Close Feb 03, 2022 Price (THB) 12.30
12M Target (THB) 16.40
Previous Target (THB) 16.40
What’s new?
- คาดกำไรปกติ 4Q64 ที่ 159 ล้านบาทลดลง QoQ การออกจากช่วง High Season ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น และการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าชีวมวลในไทย แต่เติบโต YoY จากการรับรู้รายได้จากกำลังผลิตใหม่
- ผลประกอบการ 1Q65 มีโอกาสทำ New High จากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนามแบบเต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก รวมถึง 1Q65 เป็นช่วง High Season ของโรงไฟฟ้าพลังงานลม
Our View
- SSP จะได้รับเงินสดราว 1.8 พันล้านบาทจาก SSP-W1 และการเพิ่มทุน PP คาดส่งผลให้บริษัทฯมีความสามารถในการลงทุนเพิ่มเติมได้ราว 7.3 พันล้านบาท จึงมีโอกาสที่ SSP จะมีการลงทุนเพื่อขยายกำลังผลิตที่ Aggressive มากขึ้น
- คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 16.40 บาทต่อหุ้น มี Upside 33.3% โดยมี Upside เพิ่มเติมจากการทํา M&A คาดมีความชัดเจนมากขึ้นภายใน 1Q65
SERMSANG POWER คาดกำไร 4Q64 โตสูง YoY จากกำลังผลิตใหม่
คาดกําไรปกติ 4Q64 โตสูง YoY จากกำลังผลิตใหม่
คาดกำไรปกติ 4Q64 ที่ 159 ล้านบาท (-24% QoQ, +41% YoY) โดยกำไรปกติชะลอตัวลง QoQ แม้จะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนามเป็นครั้งแรก แต่ถูกกดดันจาก 1) รายได้จากการผลิตไฟฟ้าในไทยที่ลดลง QoQ จากการปิดซ่อมบำรุงชั่วคราวของโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 9.9MW ราว 6-7 วัน 2) รายได้จากการผลิตไฟฟ้าในญี่ปุ่นที่ลดลง QoQ จากการออกจากช่วง High Season ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น 3) คาด GPM ที่ 58% ลดลงจาก 59% ใน 3Q64 จากการ COD โครงการใหม่ที่ไม่มี Adder และ 4) คาดค่าใช้จ่าย SG&A ที่ 93 ล้านบาทสูงขึ้นจาก 74 ล้านบาทใน 3Q64 เนื่องจากมีการ COD โครงการใหม่เพิ่มเติม ในขณะที่ภาพของการเติบโต YoY เป็นผลมาจาก 1) การเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวลใน 3Q64 และ 2) การ COD โครงการโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมเมื่อเทียบกับปีก่อน เช่น Leo Phase 1 (3Q64) และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม (4Q64) หากกำไรปกติ 4Q64 ออกมาตามคาดจะส่งผลให้กำไรปกติทั้งปี 2564 ใกล้เคียงกับประมาณการของเรา
กำไรปกติ 1Q65 อาจทำ New High จาก High Season ของโรงไฟฟ้าลม
คาดกำไร 1Q65 มีโอกาสทำ New High จาก 1) การรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนามขนาด 38Mwe ที่ COD ในช่วง 4Q64 แบบเต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก 2) 1Q65 เป็นช่วง High Season ของโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม 3) รายได้จากการผลิตไฟฟ้าในไทยมีโอกาสสูงขึ้น QoQ จาก Capacity Factor ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไทยที่เตรียมเข้าสู่ช่วง High Season ใน 2Q65 และ 4) การรับรู้รายได้จากโครงการที่มีการลงทุนในช่วง 2Q-4Q64
มีโอกาสลงทุนเพิ่มเติมมากหลังได้รับเงินสดจาก SSP-W1 และ PP
บริษัทฯจะได้รับเงินสดเพิ่มเติมจาก SSP-W1 และการเพิ่มทุนแบบ Private Placement (PP) ราว 1,822 ล้านบาท (ภายใต้สมมติฐานมีผู้ใช้สิทธิ SSP-W1 แบบเต็มจำนวน) และหากถึง D/E ที่ราว 3 เท่าจะส่งผลให้ SSP มีความสามารถในการลงทุนเพิ่มขึ้นราว 7,288 ล้านบาท คาดส่งผลให้บริษัทฯมีการลงทุนเพื่อขยาย Portfolio ที่ Aggressive มากขึ้นในระยะสั้น-กลาง จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 16.40 บาท/หุ้น (อิง DCF) มี Upside +33.3% ทั้งนี้ประมาณการและราคาเหมาะสมอาจมี Upside เพิ่มเติม หากบริษัทฯมีการเข้าลงทุนในโครงการใหม่ ทั้งในรูปแบบ Greenfield และ Brownfield คาดมีความชัดเจนมากขึ้นภายใน 1Q65 อีกทั้ง บริษัทฯยังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติม (ถือหุ้นบางส่วน) โดยคาดจะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นหลังการประกาศแผน PDP8 ของเวียดนาม







