ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเร่งตัว

สรุปภาวะตลาด

วันศุกร์ท่ีผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงการซื้อ-ขาย โดยไซด์เวย์ในกรอบ +3 ถึง +6 จุด ปรับตัวในแดนบวกเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเชีย ตลาดหุ้นปรับตัวบวกมาจากหุ้นหลักๆ จากกลุ่มพลังงานและอิเล็กทรอนิกส์ อย่าง PTT และ DELTA ซึ่งส่งผลต่อดัชนีราว +2.4, +2.3 จุด ตามลำดับ นักลงทุนติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดท่ี 1,674.22 จุด +5.17 จุด +0.31% มูลค่าการซื้อขาย 72,549 ลบ. ต่างชาติ+1,563.94 ลบ. TFEX +10,262 สัญญา ตราสารหนี้ +4,996.64 ลบ.

ปัจจัยบวก

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มข้ึน 2.04 ดอลลาร์ +2.3% ปิดที่ 92.31 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุด นับต้ังแต่วันที่ 29 ก.ย. 2557 และเพิ่มขึ้น 6.3% ในรอบสัปดาห์น้ี เนื่องจากพายุฤดูหนาวที่รุนแรงในสหรัฐทำให้เกิดความวิตกด้านอุปทานน้ำมัน

+สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 467,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ คาดการณ์ที่ระดับ 150,000 ตำแหน่ง ตัวเลขค่าจ้างรา ชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.7% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ท่ีระดับ 0.5%

+มูด้ีส์คาดแผนพัฒนาคมนาคมขนส่ง 5 ปีของจีนช่วยชขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเป้าหมายหลักคือ ทางรถไฟความเร็วสูงของจีนจะมีความยาวเพิ่มเป็น 50,000 กิโลเมตรในปี 2568 จาก 38,000 กิโลเมตรในปี 2563

+ ตลาดคาดว่า ธปท. จะยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ท่ี 0.50% ในการประชุมวันพุธนี้ ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยท่ียังไม่ฟื้น ชกลับสู่ระดับก่อนโควิด และยังคงต้องการแรงหนุนต่อเนื่อง แม้เงินเฟ้อไทยจะเริ่มเร่งตัวขึ้น แต่เกิดจากปัจจัยจากภาคอุปทานเป็นหลัก โดยเฉพาะราคาพลังงานท่ีเพิ่มสูงข้ึน

ปัจจัยลบ

-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 21.42 จุด -0.06% ผันผวนในแดนบวกสลับลบ ท่ามกลางความกังวลว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในเดือนมี.ค.นี้ ส่วนดัชนี Nasdaq ปิด เพิ่มข้ึน 219.19 จุด +1.58% ได้แรงหนุนเฉพาะตัวจากหุ้นแอมะซอนท่ีเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยราคาหุ้นปิดเพิ่มขึ้น 13.54%

-FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 27% ท่ีเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ใน เดือนมี.ค.จากเดิมท่ีให้น้ำหนักเพียง 14%

-ตลาดหุ้นยุโรปยังคงถูกกดดันจากท่ีธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับข้ึนอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2547 ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ลงมติ แต่ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเดือนต.ค. คาดเงินเฟ้อปีนี้พุ่งเหนือ 4%

-อเมริกาชี้รัสเซียสะสมกำลังพลและอาวุธท่ีต้องการได้แล้วอย่างน้อย 70% เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับปูตินในการเปิดฉากบุกยูเครนเต็มรูปแบบภายในกลางเดือนน้ี

-กระทรวงพาณิชย์เผยเงินเฟ้อไทยเดือน ม.ค.65 เพิ่มขึ้น 3.23% จากผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเป็นหลัก ส่วน หมู ไก่ ไข่ น้ำมันพืช เป็นปัจจัยเสริม คาดเดือนก.พ. ยังเพิ่มต่อเนื่อง จับตาปัจจัยกดดันทั้งราคาพลังงาน บาทอ่อน กระทบต้นทุนนำเข้า แต่ยังประเมินเงินเฟ้อท้ังปี 0.8-2.4%

-ศบค.รายงานยอดโควิด-19 ไทยติดเชื้อเพิ่ม 10,470 ราย ATK 4,527 ราย หายป่วย 8,711 ราย เสียชีวิต 12 ราย

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้เคลื่อนไหวแบบ Sideway up ในกรอบ 1,670-1,683 จุด เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐที่ปรับตัวข้ึนดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่ม พลังงาน อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศที่เร่งตัวขึ้นเป็นปัจจัยกดดันต่อ

กลยุทธ์การลงทุน

  • ชุดตรวจ ATK: SMD WINMED TM
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกลับมาใช้มาตรการ Test&Go และเราเท่ียวด้วยกันเฟส 4 : ERW CENTEL MINT AOT AAV BA ASAP
  • หุ้น Value Play : KBANK BBL SCB EA GULF ADVANC TRUE DTAC

หุ้นรายงานพิเศษ

PTTEP (Bloomberg Consensus 145)

  • น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง 2.04 ดอลล์สู่ 92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในรัฐเท็กซัส ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับการระงับการผลิตน้ำมันในเขตลุ่มน้ำเพอร์เมียน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันจากหินดินดานใหญ่ท่ีสุดในสหรัฐ โดยเมื่อปีท่ีแล้ว สภาพอากาศท่ีหนาวจัดทำให้การผลิตน้ำมันชะงักงันคร้ังใหญ่ในแหล่งดังกล่าว นอกจากนี้การประชุมโอเปกพลัสยังคงมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. เป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม
  • ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการ 1Q65 เนื่องจากคาดว่าปริมาณการผลิตจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้โครงการมาเลเซียและโอมานเต็มปี ด้านราคาขายคาดว่าจะปรับตัวข้ึนต่อเนื่องตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ขณะท่ีต้นทุนการผลิตจะลดลงสู่ 27-28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากโครงการมาเลเซียและโอมานต้นทุนการผลิตต่ำกว่าค่าเฉลี่ย เราคงคำแนะนำ ซื้อ เนื่องจากผลประกอบการ 1Q65 มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องและยังมีปันผลอีก 3 บาท รวมปันผลปี 64 ท่ี 5 บาท คิดเป็น 3.9%

หุ้นมีข่าว

(+) AMATA (Bloomberg Consensus 24.00 บาท) ตั้งเป้ายอดขายที่ดินปี 2565 เพิ่มขึ้น 10% มั่นใจนักลงทุนทั่วโลก จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐ ยังสนใจเข้ามาลงทุนในไทยในพื้นที่ EEC และเวียดนาม กลุ่มเป้าหมายอุตสาหกรรมยานยนต์ โลจิสติกส์ และพลังงาน ด้านนักวิเคราะห์คาดกำไรทั้งปี 2564 โต 2.44% และคาดท้ังปี 2565 โตถึง 62.48% (ท่ีมา ทันหุ้น)

(+) SAPPE (Bloomberg Consensus 34.00 บาท) ลุยออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง สินค้าผสมสารสกัดกัญชง-กัญชาคาดจะออกภายในไตรมาส 2/2565 ชูเครื่องดื่ม Functional Drink กลับมาฟื้นตัว ขณะที่ตลาดต่างประเทศขยายตัว ดันยอดขายปีนี้เติบโต 10-15% ไม่ปิดกั้นโอกาสพันธมิตรร่วมธุรกิจ เล็งพิจารณาขยายกำลังการผลิตเพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)

(+) CIVIL (Bloomberg Consensus – บาท) หุ้นเด่น Super growth stock ฉายา “เล็กพริก ขี้หนู” โชว์เงินทุนแข็งแกร่งหลังเข้าตลท. พร้อมรับงานก่อสร้างไซส์ใหญ่ไม่ต่ำ 10,000 ล้านบาท ล่าสุดรับงานสร้างคลองระบายน้าฯ นครศรีธรรมราช มูลค่ากว่า 2.7 พันล้านบาท จ่อลุยโครงการ รถไฟฟ้าและ PPP ทางด่วนกะทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) BBIK (Bloomberg Consensus 63.65 บาท) ทุ่มงบ 20 ล้านบาท เข้าลงทุน 80% ใน “จีเอ็ม วีพาย”บริษัทท่ีปรึกษาด้านระบบ SAP ครบวงจรเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันสู่บริษัทที่ปรึกษาด้าน Digital Transformation ครบวงจร ขยายฐานลูกค้าต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ (ที่มา ข่าวหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

  • สัปดาห์ที่ 2 สภาธุรกิจตลาดทุนไทยแถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน และอัพเดตสถานการณ์ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แถลงข้อมูลสรุปภาวะซื้อขายหลักทรัพย์
  • 8 ก.พ. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สภาผู้ส่งออก) แถลงสถานการณ์การส่งออก
  • 9 ก.พ. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 1/2564 คาดจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม
  • 17-18 ก.พ.สภาฯเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ

  • 21 ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แถลงตัวเลข GDP 4Q64
  • 28 ก.พ. กำหนดวันสุดท้ายบจ.ส่งงบการเงินปี 64

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

  • 7 ก.พ. จีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือน ม.ค.จากไฉซินช
  • 8 ก.พ. สหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนม.ค. และดุลการค้าเดือนธ.ค.

  • 9 ก.พ. สหรัฐรายงานสต๊อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือน ธ.ค. สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)
  • 10 ก.พ. จีนเปิดเผยยอดขายรถเดือนม.ค. ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนม.ค.ยอดปล่อยกู้ล็อตใหม่สกุลเงินหยวนเดือนม.ค.

    สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และอัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค.

  • 15-16 มี.ค. กำหนดประชุม FED
- Advertisement -