Our View? ”กลับมากังวลอีกครั้ง”

คาดตลาดวันน้ี “แกว่งออกข้าง” มองแนวรับที่บริเวณ 1,685/1,675 แนวต้านที่บริเวณ 1,700 / 1,707 ตลาดยังคงได้รับ Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศจากความกังวลสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ยืดเยื้อจากการที่รัสเซียเตือนให้ประชาชนยูเครนอพยพออกจากบ้านเรือนก่อนจะยิงจรวดถล่มเมืองคาร์คีฟ หลังการเจรจาระหว่างคณะผู้แทนของรัสเซีย-ยูเครนในวันก่อนหน้าไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ ขณะที่คาดว่าเช้านี้ตลาดจะติดตาม ปธน.โจ ไบเดนแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรส คาดอาจมีการประณามการทำสงครามของรัสเซีย รวมทั้งมาตรการคว่ำบาตรและมาตรการสนับสนุนยูเครน คาดอาจทำให้สถานการณ์ดังกล่าวตึงเครียดมากขึ้นได้อีกครั้ง คาดจะกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้

ขณะที่เช้าน้ีราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นแรง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี (US Bond Yield) ปรับตัวลดลง -0.108% (-5.81%) รวมท้ังราคาทองคำเมื่อคืนนี้ปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 1,950 อีกครั้ง  สะท้อนภาวะตลาดเริ่มกลับมากังวล และอยู่ในภาวะ Panic อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เรามมีมุมมองเชิงบวกต่อการท่ีท้ังสองฝ่ายเร่ิมใช้การเจรจาเพื่อแก้ปัญหากันมากข้ึน ขณะท่ีการเจรจารอบต่อไปจะจัดขึ้นอีกครั้งที่ชายแดนเบลารุส และโปแลนด์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า คาดจะผ่อนคลายความตึงเครียดในวิกฤตยูเครนได้ในระยะถัดไป

อีกทั้งเราคาดว่าตลาดจะติดตามการกล่าวถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ-ธนาคาร เกี่ยวกับนโยบายการเงิน และภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในรอบครึ่งปีในวันท่ี 2-3 มี.ค.นี้ คาดจะได้รับความชัดเจนเกี่ยวกับท่าทีของ FED ก่อนการ ประชุม FOMC ในเดือนมี.ค.เรามองว่าความไม่แน่นอนในความตึงเครียดของวิกฤตยูเครน คาดจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ FED อาจหยิบยกขึ้นเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินในระยะถัดไป

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน เม.ย. เมื่อคืนนี้ปรับตัวขึ้นแรง +7.69 ดอลลาร์
ปิดที่ 103.41 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +8.03% จากความตึงเครียดในวิกฤตยูเครน ขณะที่การตัดธนาคารหลายแห่งออกจากระบบ SWIFT คาดจะส่งผลให้การส่งออกพลังงานของรัสเซียทำได้ยากมากขึ้น รวมทั้งบริษัทพลังงานหลายแห่งออกมาคว่ำบาตร โดยการถอนตัวออกจากการดำเนินงานในรัสเซีย คาดจะส่งผลต่ออุปทานน้ำมันดิบ หนุนทิศทางราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นได้ในระยะสั้น ขณะที่วันนี้แนะนำติดตามการประชุม OPEC+ คาดจะยังคงการปรับเพิ่มกำลังการผลิตอีก 4 แสนบาร์เรล/วัน ในเดือน เม.ย. แต่ต้องท่าทีการส่งสัญญาณการปรับเพิ่มกำลังการผลิตหลังเดือน เม.ย. หลังข้อตกลงเดิมส้ินสุดลงไปแล้ว พร้อมราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับสูง คาดจะดึงดูดให้ OPEC+ เพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นได้

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่ทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทยได้ต่อเนื่อง จากคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ยังสามารถฟื้นตัวข้ึนในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวก หนุนทิศทางหุ้นในกลุ่ม BIG Cap. ปรับตัวขึ้นได้ต่อ

ทั้งนี้ เรายังคงชอบหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (MAKRO, CPALL, BJC, HMPRO, GLOBAL) ที่ยังมีความน่าสนใจในเชิง Valuation ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งหุ้นในกลุ่ม AMC (BAM, CHAYO และ JMT) ที่คาดแนวโน้มการ JV กับ ธนาคารพาณิชย์คาดจะหนุนทิศทางผลกำไรในปีนี้เติบโตโดดเด่น และหุ้นในกลุ่มขนส่ง (BTS และ BEM) คาดผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้หลังผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 ไปแล้ว คาดผู้โดยสารรถไฟฟ้าเริ่มฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีน้ี

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “JMT”

ซื้อสะสม แนวรับ 66.00 / 65.50 Target 71.00 / 75.00 Stop <64.50

- Advertisement -