FPI กลับมาท๊อปฟอร์ม โชว์ผลงานปี 64 พุ่งแตะออลไทม์ไฮ รายได้แตะ 2,167.7 ล้านบาท ขณะที่กำไรอยู่ที่ 329 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 899% ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ผลจากอุตสาหกรรมส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ฟื้นตัวอย่างเด่นชัด ออเดอร์ล้นช่วงท้ายปี ราคาขายปรับตัวสูงขึ้น ควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดี ดันมาร์จิ้นพุ่ง พร้อมอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลอัตรา 0.07 บาทต่อหุ้นเตรียมขึ้น XD วันที่ 6 พฤษภาคมนี้ ด้านแผนงานปี 65 มั่นใจโต่อเนื่องทุกมิติ ประเมินยอดขายแดนภารตะฟื้นตัวแรง ยอดขายต่างประเทศเพิ่มขึ้นใน 3 โซนหลัก ทั้งออสเตรเลีย แอฟริกา และยุโรป เดินหน้าลุยประมูลงานใหม่เพียบ หนุน Backlog พุ่งแตะ 1,000 ล้าน
นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดปี 2564 บริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 329 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 899% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 32.9 ล้านบาท โดยเป็นระดับกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 2,167.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 1,856.8 ล้านบาท
ปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากภาพรวมอุตสาหกรรมการส่งออกมีการฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศเริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้ผู้ประกอบการหันกลับมาทำธุรกิจมากขึ้น ความต้องการใช้ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์กลับมาฟื้นตัวได้เร็ว ทำให้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะไตรมาส 4/64 ยอดขายฟื้นตัวอย่างชัดเจน ขณะที่ราคาวัตถุดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้ราคาขายสินค้าก็สามารถปรับตัวได้มากขึ้นด้วย
ส่วนของการเติบโตของยอดขายในโซนเอเซียและตะวันออกกลางที่มีอุปสงค์เพิ่มขึ้น เนื่องจากเกิดภาวะวิกฤติทางด้านพลังงานในประเทศจีน ทำให้คู่แข่งทางการค้าในจีนมียอดผลิตที่ลดลงและต้องตั้งราคาขายสูงขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทเซ็นสัญญาค่าขนส่งของทวีปอเมริกาใต้ล่วงหน้า ทำให้ลูกค้าซื้อสินค้ามากขึ้น อีกทั้งยอดขายต่างประเทศของบริษัทเพิ่มขึ้นในอีก 3 โซนหลักคือ ออสเตรเลีย แอฟริกา และยุโรป
นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถขึ้นราคาสินค้ากับลูกค้าได้ 5-10% เนื่องจากการที่ราคาวัตถุดิบทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกัน บริษัทได้ทำสัญญาซื้อวัตถุดิบ โดยเฉพาะเม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์และสี และสินค้าซื้อมาขายไป เป็นการล่วงหน้าเป็นเวลา 6-12 เดือน ประกอบกับประสิทธิภาพในการผลิตที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ต้นทุนของเสียในการผลิตลดลง ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดี
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 103,112,095.38 ล้านบาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 6 พฤษภาคม และกำหนดวันจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้
“ในปี 2564 เป็นปีที่ดี บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ และสามารถปรับราคาสินค้าได้เพิ่มขึ้น ทำให้มีกำไรมากขึ้น ขณะที่ประสิทธิภาพควบคุมต้นทุนทำได้ดี โดยเฉพาะในเรื่องต้นทุนค่าขนส่งมีการวางแผนที่ดี ทำให้สามารถรักษาความสามารถการทำกำไรในระดับที่ดีได้ต่อเนื่อง”
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 ประเมินว่ายังมีแนวโน้มที่สดใส เนื่องจากภาพรวมอุตสาหกรรมการส่งออกฟื้นตัวแรง ขณะที่อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ยังคงมีสัญญาณที่ดีต่อเนื่อง ขณะที่บริษัท FPI AUTO PART INDIA PRIVATE LIMITED ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในประเทศอินเดีย ดำเนินธุรกิจออกแบบและผลิตชิ้นส่วนยานยนต์, บริการรับออกแบบผลิตภัณฑ์และผลิตแม่พิมพ์พลาสติก, รับจ้างฉีด, ชุบโครเมียม, พ่นสี, ประกอบ ชิ้นงานทุกประเภท ปัจจุบันมีการฟื้นตัวอย่างมาก โดยมีออเดอร์เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปีก่อน ซึ่งมีมูลค่างานในมืออยู่แล้วกว่า 700 ล้านรูปี
ขณะเดียวกัน บริษัทมียอดคำสั่งซื้อในมือ (Backlog) ทั้งงานในประเทศและต่างประเทศ มูลค่ารวมกว่า 800 ล้านบาท โดยทยอยรับรู้ในปีนี้ประมาณ 500 ล้านบาท และที่เหลือจะรับรู้ในปีถัดไป อีกทั้งมีแผนเตรียมยื่นประมูลงานใหม่เพิ่มเติมอีก 300-400 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะประมูลได้ประมาณ 50% ดังนั้น มีโอกาสที่จะสนับสนุนให้งานในมือปีนี้เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1,000 ล้านบาท
***********