Daily Focus

Value and Domestic Play 2022 SET Target: 1770

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ฟื้นตัวได้ตามคาดปิดบวก 6.27 จุด ณ สิ้นวันตาม บรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านหลัก 1,700 จุดได้ และมีแรงขายออกมากดดัน สถาบันในประเทศยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 605 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 2.9 พันลบ. (แต่ Short SET50 Index Futures เล็กน้อย 3.5 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังอยู่ในช่วงแกว่ง Sideways โดยวันนี้คาดอ่อนตัวลงหาระดับ 1,690+- จุด ตามบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบมากขึ้น ความผันผวนของดัชนียังค่อนข้างสูง และยังคงถูกกดดันจากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังน่ากังวล แม้การเจรจารอบ 2 จะตกลงสร้างเส้นทางอพยพพลเรือน แต่หากยังไม่มีข้อตกลงหยุดหยิง ทําให้ยังไม่มีพัฒนาการที่ผ่อนคลายขึ้น ขณะที่มาตรการคว่ำบาตรยังเข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะยิ่งกระทบเศรษฐกิจในภูมิภาค และยิ่งเป็นลบหากกินเวลานาน ขณะที่ราคา Commodity ที่ปรับขึ้นยิ่งสร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ และมีโอกาสทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะ Stagflation ซึ่งทำให้ธนาคารกลางโดยเฉพาะ FED และ ECB ดำเนินนโยบายการเงินยากขึ้น เรามองว่าหากสงครามไม่ยุติลงด้วยการถอนทหารของรัสเซีย คาดว่ามาตรการคว่ำบาตรจะยังคงอยู่ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจระยะยาว โดยฝั่งตลาดอาเซียนจะได้รับผลกระทบที่จํากัดมากกว่า ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะสามารถ Outperform ยังคงเป็นกลุ่ม Value และ Domestic Play ซึ่งยังได้อานิงส์จากเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้น

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้น Value และ Domestic Play

หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : BDMS, CPALL, OSP, PJW, TOP

หุ้นเด่นวันนี้ : TACC

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8.70 บาท
  • ระยะสั้นแนวโน้มกำไร 1H22 ยังดูดี โดยรายได้เติบโตทั้งจากธุรกิจเครื่องดื่มทั้ง 7-11 และ Non 7-11 รวมถึงธุรกิจ Character ที่ดีขึ้น ส่วนฝั่งต้นทุนยังกระทบไม่มาก
  • ผู้บริหารยังตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 10-15% ส่วนฝั่งต้นทุนหาก 2H22 ยังไม่ผ่อนคลาย อาจพิจารณาปรับขึ้นราคาขาย เรายังคาดกำไรปีนี้โตแข็งแรง +9% Y-Y
  • แนวรับ 7-6.95 บาท แนวต้าน 7.50//8 บาท

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคแต่บางลงเหลือ US$179 ล้าน เม็ดเงินไหลออกกระจุกที่ไต้หวัน US$365 ล้าน แต่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$65 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินยังไหลเข้านำโดยไทย US$87 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดยังค่อนไปในทิศทางไหลออกจากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังกดดัน  แต่คาดยังไหลเข้าอาเซียนจากผลกระทบที่จำกัดมากกว่า

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) BDMS เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของกำไรในปี 2022 โดยเฉพาะแรงหนุนจากการฟื้นตัวของผู้ป่วยต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันขึ้นมาอยู่ที่ 62% เทียบกับช่วงก่อนมี COVID-19 ทั้งจากตลาดตะวันออกกลางและ CLMV เราคาดปี 2022 จะขึ้นแตะระดับ 80% เทียบกับก่อน COVID-19 ขณะที่ฝั่งผู้ป่วยไทยคาดยังแข็งแรงต่อเนื่องจากปี 2021 และมีโอกาสที่ปี 2022 จะมีรายได้และกำไรกลับไปเทียบเท่าปี 2019 เราคาดกำไรปีนี้ +30% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 29 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(+) IIG ระยะสั้นกำไร 1H22 จะยังเติบโตไม่เต็มที่นัก ทั้งจากปัจจัยฤดูกาลที่ปกติไตรมาส 1 จะมีรายได้ต่ำสุด และทยอยเติบโตสูงสุดใน 4Q22 ขณะที่ต้นทุนบุคลากรทยอยเข้าอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหารยังตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 900-950 ลบ. เติบโตราว +30% Y-Y ใกล้เคียงกับประมาณการของเรา และยังมองครึ่งปีหลังจะเห็นการเติบโตที่ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะ Margin รวมถึงผลบวกจากการขยายธุรกิจทั้งจากธุรกิจ CRM ERP เดิม รวมถึง Software และบริการใหม่ๆที่เพิ่มขึ้น เรายังคาดกำไรปีนี้ +50% Y-Y ซึ่งค่อนข้าง Aggressive ยังคงราคาเป้าหมาย 41 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) BRI ยอดขาย YTD ทำได้ 1.5 พันลบ. จากความสำเร็จของการเปิดตัวโครงการใหม่ Sold 80% ของส่วนที่เปิดขาย ขณะที่ช่วงที่เหลือของปีมีแผนเปิดอีก 11 โครงการ มูลค่า 1.27 หมื่นลบ. ทำให้มองว่าทั้งปีจะบรรลุเป้าที่ 1.1 หมื่นลบ.ได้ไม่ยาก ขณะที่ประมาณการของเราที่ 1.1 พันลบ. (+86% Y-Y) มี Upside จากการเซ็นสัญญา JV 2-4 โครงการใหม่ เราคงราคาเป้าหมาย 13 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(-) XO ระยะสั้นผลการดำเนินงาน 1Q22 ดูอ่อนแอกว่าที่คาด โดยรายได้มีแนวโน้มหด ตัว Q-Q และ Y-Y จากคำสั่งซื้อที่ลดลง ส่วนผลกระทบจากการส่งออกไปยุโรปปัจจุบันยังไม่มี แต่มีสัดส่วนรายได้ขายไปยูเครน-รัสเซีย 1.7% ซึ่งหยุดดำเนินงานแล้ว ส่วนแผนการขยายกำลังการผลิตเลื่อนออกและเปลี่ยนไปซื้อที่ดินใหม่ ส่วนฝั่งต้นทุนยังไม่ กระทบมาก เนื่องจากล็อคราคาล่วงหน้าไปค่อนข้างมาก ระยะสั้นมีมุมมองบวกน้อยลง และต้องติดตามผลกระทบในยุโรปอีกระยะ ยังคงราคาเป้าหมาย 23 บาท แต่ลดคำแนะนํา เป็น “เก็งกําไร” (กรรมการและกรรมการตรวจสอบของ FINANSIA SYRUS เป็นกรรมการอิสระ และประธานกรรมการตรวจสอบของ XO)

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 96.69 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 33,794.66 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน รวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากรัสเซียถูกหลายประเทศคว่ำบาตร

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีส อาจทําให้เงินเฟ้อสูงขึ้น  และกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะในยุโรป ซึ่งหลายประเทศต้องพึ่งพาก๊าซจากรัสเซีย

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับลงตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ รวมถึงเช้านี้มีรายงานว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporizhzhia ในยูเครนเกิดเพลิงไหม้ หลังจากกองกําลังทหารของรัสเซียได้เข้าโจมตีในพื้นที่ดังกล่าว

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลง ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.67 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 2.93 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 107.67 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีการส่งสัญญาณแนวโน้มความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 13.6 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิดที่ 1,935.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,050.22 / +-

- Advertisement -