Daily Focus Defensive Play
2022 SET Target: 1770
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวแรงกว่าคาด โดยเฉพาะท้ายตลาดที่มีแรงขายออกมาหนาแน่นขึ้น กดดันดัชนีปิดลบถึง 24.36 จุด โดยยังคงกังวลต่อสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยเฉพาะประเด็นการโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย สถาบันในประเทศยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 776 ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ ลบ. หนาแน่น 3.7 พันลบ. (และ Short SET50 Index Futures สูงถึง 2.4 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะปรับตัวลงทดสอบแรวรับหลัก 1,655 1,660+- อีกครั้งจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบ ตลาดกังวลสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่มีท่าทีดีขึ้น ล่าสุดรัสเซียยืนยันยังคงปฏิบัติการทางทหารในยูเครนต่อเนื่องจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย ขณะที่เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นและคริปโตเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยทั้งทองคำ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันดิบที่ล่าสุด Brent แตะ US$130 ต่อบาร์เรลแล้ว จากการระงับรัสเซียส่งออกน้ำมันและก๊าซ ซึ่งระยะสั้นยังคงหนุนหุ้นพลังงานต้นน้ำอย่าง PTTEP และ PTT รวมถึง BANPU ที่ได้อานิสงส์จากราคาถ่านหินที่ปรับขึ้นตาม อย่างไรก็ตาม จะเป็นปัจจัยกดดันต่อภาคการผลิตอย่างมากจากต้นทุนที่ปรับตัวขึ้นและสร้างแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ขณะที่เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอ ทำให้เสี่ยงเกิดภาวะ Stagflation ซึ่งทำให้ธนาคารกลางโดยเฉพาะ FED และ ECB ดำเนินนโยบายการเงินยากขึ้น ซึ่งจากสงครามและการคว่ำบาตรที่เสียงลากยาว เราจึงแนะนำให้พักเงินในกลุ่ม Defensive Play ที่กระทบจากต้นทุนการผลิตที่พุ่งจำกัด ได้แก่ การแพทย์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ สื่อสารฯ ค้าปลีก
กลยุทธ์ : พักเงินในหุ้น Defensive Play
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : BDMS, CPALL, OSP, PJW, TOP
หุ้นเด่นวันนี้ : BDMS
- แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 29 บาท
- ระยะสั้นคาดกําไร 1Q22 มีโอกาสเร่งตัว Q-Q จากสถานการณ์ระบาดของโอมิครอนที่เร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยยะ ทำให้เตียงเริ่มกลับมาแน่นอีกครั้ง ขณะที่ผู้ป่วย Non-Covid ฟื้นดีต่อเนื่องตั้งแต่ 4Q21
- ปี 2022 จะเป็นปีที่ดีทั้งผู้ป่วยไทยและการฟื้นตัวของผู้ป่วยต่างชาติ จากทั้งตลาดตะวันออกกลาง จีน และ CLMV เราคาดกําไรปี 2022 +30% Y-Y
- แนวรับ 24//23.40 บาท แนวต้าน 24.70-25//26-26.50 บาท
Fund Flow: เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคเร่งขึ้นเป็น US$2,079 ล้าน นําโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$1,489 ล้าน และ US$663 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเริ่มพลิกมาไหลออก นำโดยไทย US$12 ล้าน แต่ยังไหลเข้าอินโดนีเซีย US$167 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดยังไหลออกจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่มีท่าทีที่จะผ่อนคลายขึ้น ทำให้เม็ดเงินยังไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย
ประเด็นสําคัญวันนี้
(+) BH คาดโมเมนตัมกำไร 1Q22 ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังรัฐกลับมาเปิดใช้มาตรการ Test & Go ในเดือน ก.พ. อีกครั้ง ทำให้ผู้ป่วยต่างชาติทยอยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผู้ป่วยไทยกลับมาสูงกว่าปี 2019 ที่ไม่มี COVID-19 แล้ว ซึ่งจากรายได้ที่ฟื้นตัวดีทำให้เราคาดว่า EBITDA Margin จะกลับมาเท่ากับช่วงก่อน COVID-19 ในปีนี้ เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2022-2023 ขึ้นเป็น +114% Y-Y และ +54% Y-Y ตามลำดับ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 190 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)
(+) MINT การประชุมโทนค่อนไปในทางบวกจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในยุโรป คาดว่า NHH จะมี Occ Rate ในปี 2022 ฟื้นตัวขึ้นมาที่ 63% เข้าใกล้ปี 2019 ที่ 72% ขณะที่ไทยคาดทยอยฟื้นชัดขึ้นใน 2H22 ผู้บริหารเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานจะกลับมาเท่าช่วงก่อน COVID-19 ในครึ่งหลังของปีนี้ อย่างไรก็ตาม ประเด็นสงครามรัสเซีย-ยูเครนอาจมีผลกระทบทางอ้อมทั้งต้นทุนพลังงานและความเสี่ยง เศรษฐกิจในภูมิภาคชะลอหากลากยาว ส่วนธุรกิจอาหารทยอยฟื้นตัวตามการคลายมาตรการ Lockdown โดยเฉพาะในไทย FSSIA ยังคงราคาเป้าหมายm 42 บาท แนะนํา “ซื้อ”
(0) NSL ระยะสั้นคาดรายได้ 1Q22 ฟื้นตัวต่อเนื่องตาม SSSG ของ 7-11 ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2022 +28% Y-Y เติบโตทั้งสินค้าเดิมผ่าน 7-11 เป็นหลัก และยังมีการขยายสาขามากขึ้นทั้งในไทยและกัมพูชา รวมถึงมีแผนออกสินค้าใหม่ทั้งภายใต้แบรนด์ตนเอง และเตรียมออกสินค้าใหม่กลุ่ม Ready to Eat อย่างไรก็ตาม เรามีมุมมองระมัดระวังมากขึ้นต่อต้นทุนที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นทั้งกลุ่มแป้งสาลี เนื้อสัตว์ และเนื้อสัตว์แปรรูป โดยเริ่มปรับขึ้นราคาสินค้าบางรายการแล้วตั้งแต่เดือน ก.พ. อย่างไรก็ตาม เราปรับลดสมมติฐาน Gross Margin ให้ Conservative มากขึ้น ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2022 ลดลงเป็น +30% Y-Y และปรับลดราคาเป้าหมายเหลือ 21 บาท ยังแนะนำ ซื้อ
bลดลง 179.86 จุด หรือ 0.53% ปิดที่ 33,614.80 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามในยูเครน หลังกองกำลังรัสเซียยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดของยุโรปในประเทศยูเครน
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ ท่ามกลางการสู้รบระหว่างทหารของยูเครนและรัสเซีย
(-) ตลาดหุ้นเอเชียปรับลง กดดันจากสถานการณ์รุนแรงขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงมีรายงานว่าสหรัฐและชาติพันธมิตรในยุโรปกำลังพิจารณาระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.81 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 8.01 ดอลลาร์ หรือ 7.4% ปิดที่ 115.68 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานท่ามกลางวิกฤตยูเครน
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 30.7 ดอลลาร์ หรือ 1.59% ปิดที่ 1,966.6 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย จากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่รุนแรงขึ้น
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,054.28 / +4.06