Our View? ”Into The Fear World”
คาดตลาดวันนี้ “Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,655 / 1,645 แนวต้านที่บริเวณ 1,680 / 1,690 โดยยังให้น้ำประเทศสหรัฐเปิดเผยว่าสหรัฐและชาติพันธมิตรกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย ทั้งนี้รัสเซียถือเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติอันดับ 1 ของโลก และคิดเป็นสัดส่วนราว 40% ของปริมาณความต้องการใช้ในยุโรป ขณะที่รัสเซียส่งออกน้ำมันดิบในสัดส่วนราว 11% ของโลก หรือราว 4.6 ล้านบาร์เรล/วัน ทั้งนี้ทางฝั่งรัสเซียเริ่มออกมาตรการตอบโต้ยุโรปเช่นกัน ผ่านการระงับการจ่ายก๊าซที่มุ่งหน้าไปเยอรมนีทางท่อส่งก๊าซธรรมชาติ Yamal–Europe คิดเป็นสัดส่วนราว 15% ของปริมาณความต้องการใช้ในยุโรป มองอาจส่งผลกระทบให้สถานการณ์ดังกล่าวยืดเยื้อ และอาจทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ขณะท่ีราคาพลังงานท่ีปรับตัวข้ึนแรงคาดจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรม รวมท้ังการผลิตไฟฟ้าและปิโตรเคมีในยุโรป คาดจะกดดันทิศทางเศรษฐกิจโลก รวมท้ังยังหนุนทิศทางเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นแรงต่อเนื่องในระยะสั้น มองตลาดจะยังอยู่ในภาวะ Risk-off ต่อไป สะท้อนจาก US Bond Yield ยังคงอ่อนตัวลงต่อเนื่อง ล่าสุดรุ่นอายุ 10 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 1.7341% (- 2.88%) คาดกดดันทิศทางสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลงได้ต่อ
อย่างไรก็ตาม วันน้ีแนะนำติดตามการเจรจาหยุดยิงระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รอบท่ี 3 คาดจะส่งผลให้ตลาดผันผวนได้ต่อ
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน เม.ย. เช้านี้ระดับปรับตัวข้ึนอยู่ท่ีระดับราว 120.4 – 130.5 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยยังคงได้แรงหนุนจากวิกฤตยูเครน รวมถึงแนวโน้มการออกมาตรการกีดกันการส่งออกพลังงานของรัสเซีย คาดจะหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นแรงช่วยประคองตลาดหุ้นไทยได้บ้างเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เรามีความเชื่อว่าราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงเกินไปในระยะเวลาหน่ึง คาดจะเป็นแรงจูงใจให้ OPEC+ เริ่มกลับมาปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อชดเชยส่วนแบ่งการตลาดที่หากไปในระยะถัดไป จะเป็นปัจจัยจากัด Upside และกดดันทิศทางพลังงานปรับตัวลงได้ในระยะกลาง
ในส่วนของการท่ีจีนเปิดประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ คร้ังที่ 13 ตั้งเป้า GDP เติบโตเพียง 5.5% ต่ำสุดในรอบ 10 ปี สะท้อนความกังวลปริมาณการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง และหน้ีระดับสูงในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบอ่อนๆ ต่อตลาดในภูมิภาค
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม มองการอ่อนตัวลงของตลาดเป็นโอกาสในการเข้าสะสมหุ้นในกลุ่ม Domestic Play ที่คาดไม่ได้รับผลกระทบจากต่างประเทศ เนื่องจากรายได้และกำไรส่วนใหญ่มาจากการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก
ทั้งนี้เรายังคงชอบหุ้นใน 1.) กลุ่มค้าปลีก (MAKRO, CPALL, BJC, CRC, HMPRO, GLOBAL) ที่ยังมีความน่าสนใจในเชิง Valuation ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำ 2.) กลุ่ม AMC (BAM, CHAYO และ JMT) ที่คาดแนวโน้มการ JV กับธนาคารพาณิชย์คาดจะหนุนทิศทางผลกำไรในปีน้ีเติบโตโดดเด่น 3.) กลุ่มขนส่ง (BTS และ BEM) คาดผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเริ่มฟื้นตัวข้ึนได้หลังผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 ไปแล้ว คาดผู้โดยสารรถไฟฟ้าเริ่มฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “BAM”
ซื้อสะสม แนวรับ 21.30 / 21.00 Target 23.40 / 24.00 Stop <20.50