บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) +15.4%
Close Mar 4, 2022 Price (THB) 14.30
12M Target (THB) 16.50
Previous Target (THB) 19.20
What’s new?
- คาดค่าการตลาดสามารถฟื้นตัวได้อย่างจำกัดในปี 2565 แม้มีมาตรการช่วยเหลือชั่วคราวจากทางภาครัฐ เนื่องจากราคาน้ำมันโลกยังมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง
- ปรับประมาณการปี 2565 ลงเป็น 1,216 ล้าน บาทบนสมมติฐานค่าการตลาดปี 2565 ที่ 1.74 บาท/ลิตร และปริมาณขายน้ำมันรวมที่ 5,166 ล้านลิตร (+7% YoY)
Our view
- ผลจากการปรับประมาณการปี 2565 ลงส่งผลให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ลดลงเป็น 16.50 บาท อิง PER2565 ที่ 22.2x มี Upside +15.4% คงคำแนะนํา “ซื้อ”
- จากการประเมินของเราค่าการตลาดจะสามารถฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับ 1.80 บาท/ลิตร ได้โดยไม่มีมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐหากราคาน้ำมันโลกปรับตัวลงมาอยู่ในระดับ US$65-70/bbl
PTG ENERGY การฟื้นตัวปี 2565 ถูกจำกัดจากราคาน้ำมันโลก
ภาพของการฟื้นตัวยังคงถูกจำกัด แม้มีมาตรการช่วยเหลือจากรัฐ
ใน 4Q64 บริษัทฯได้รับผลกระทบจากมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตร จากภาครัฐ ส่งผลให้ค่าการตลาดเฉลี่ยในช่วง 4Q64 อยู่ที่ 1.26 บาทต่อลิตร แม้แนวโน้มค่าการตลาดใน 1Q65 มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น QoQ จากมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซลของภาครัฐ (มีผลจนถึงสิ้นเดือน พ.ค. 65) รวมถึงค่าการตลาดเฉลี่ยช่วงเดือนม.ค. -1 – ก.พ. อยู่ที่ราว 1.40 บาท/ลิตร (สูงกว่าจากค่าเฉลี่ยใน 4Q64) แต่ยังไม่สามารถชดเชยผลกระทบจากราคาน้ำมันโลกที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงได้ทั้งหมด แม้ทิศทางน้ำมันโลกมีโอกาสปรับตัวลงในช่วง 2H65 หลังกลุ่ม OPEC+ เพิ่มกำลังผลิตน้ำมันตามแผน รวมถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนมีโอกาสคลี่คลายลง แต่ภาครัฐจะเริ่มลดมาตรการช่วยเหลือผู้ทำธุรกิจสถานีบริการน้ำมันลงเช่นกัน เช่น การไม่ต่ออายุมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซล และการยกเลิกเงินชดเชยดีเซล เป็นต้น ดังนั้นเราจึงมองว่าค่าการตลาดน้ำมันดีเซลในปี 2565 จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างจำกัด
ปรับประมาณการปี 2565 ลง
จากมุมมองดังกล่าวเราจึงมีการปรับสมมติฐานค่าการตลาดน้ำมันลงจาก 1.79 บาท/ลิตร ลงเป็น 1.74 บาท/ลิตร (ใกล้เคียงกับค่าการตลาดเฉลี่ยในปี 2564 ที่ 1.73 บาท/ลิตร) โดยคาดปริมาณขายน้ำมันรวมปี 2565 ที่ 5,166 ล้านลิตร เติบโต +7% YoY ใกล้เคียงกับ Guidance ที่บริษัทฯให้ไว้ที่ 6-10% YoY ส่งผลให้ประมาณการปี 2565 ของเราลดลงราว 17% เป็น 1,216 ล้านบาท (+21% YoY) ยังคงเติบโตได้ YoY จาก 1) ค่าการตลาดที่ฟื้นตัวเล็กน้อย YoY (ค่าการตลาดปี 2564 อยู่ที่ 1.73 บาท/ลิตร) 2) การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่มีความรุนแรงน้อยกว่าปีก่อน (คาดไม่มีการใช้มาตรการ Lockdown ในปีนี้) 3) การเติบโตของธุรกิจ LPG และ 4) ธุรกิจ F&B ที่พลิกจากขาดทุนเป็นกำไรตั้งแต่ช่วง 4Q64 อย่างไรก็ตาม เราคาดผลประกอบการของ PTG จะสามารถกลับมาอยู่ในระดับปกติได้ในปี 2566
ปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 16.50 บาท/หุ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ”
ผลจากการปรับประมาณการ ส่งผลให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ลดลงเป็น 16.50 บาท/หุ้น อิง PER65 ที่ 22.2x (ค่าเฉลี่ย Forward PER ย้อนหลัง 3 ปี +1SD) มี Upside +15.4% คงคำแนะนำ “ซื้อ” อย่างไรก็ตาม จากการประเมินของเราค่าการตลาดน้ำมันดีเซลจะสามารถกลับมาอยู่ในระดับ 1.80 บาท/ลิตรได้โดยไม่มีการช่วยเหลือจากภาครัฐหากราคาน้ำมันโลกปรับตัวลงมาอยู่ในช่วง US$65-70/bbl (บนสมมติฐานราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาท/ลิตร) ดังนั้นในสภาวะที่ราคาน้ำมันโลกยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง จึงไม่ต้องรีบเข้าลงทุน (อาจรอสัญญาณการปรับตัวลงของราคาน้ำมันโลก) PTG มีประเด็นบวกรออยู่การเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (อยู่ระหว่างการรอเงื่อนไขรับซื้อไฟฟ้าจากกกพ.) รวมถึงการนำธุรกิจ Palm Complex และ LPG เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วง 2H65 (บริษัทฯอยู่ ระหว่างการปรับโมเดลธุรกิจ LPG จึงส่งผลให้การ Spin Off ล่าช้าจากแผนเดิมที่วางเป้าหมายไว้ใน 1H65)