แนะเริ่มกลับมามองหาโอกาสลงทุน มอง Downside 1,580

เมื่อคืนที่ผ่านมาตลาดหุ้น Dow Jones ยังคงทรุดตัวหนัก ปรับฐานลง 2.37% นักลงทุนเริ่มกลับมามองว่าภาวะน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่เริ่มมีกระแสออกมาว่าสหรัฐและชาติตะวันตกกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะระงับการนำเข้าน้ำมันและแก๊สธรรมชาติจากรัสเซีย เพื่อเป็นการตอบโต้การที่รัสเซียใช้กำลังทหารเข้าบุกยูเครน ซึ่งปัจจุบันนั้นรัสเซียถือเป็นผู้ส่งออกน้ำมันอันดับ 3 ของโลก และเป็นผู้ส่งออกแก๊สอันดับแรกของโลก หากเกิดการระงับจริง ทั้งแก๊สธรรมชาติและน้ำมันจะเกิดภาวะอุปทานตึงตัว ส่งผลให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้น ตลาดจึงมองว่าเศรษฐกิจมีโอกาสเข้าสู่ภาวะ Stagflation (เศรษฐกิจถดถอยสวนทางกับเงินเฟ้อที่สูงขึ้น) ตามมาด้วยการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน และอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่จะเริ่มเปิด Downside Risk ต่อประมาณการ

ด้านประเทศไทยอาจได้รับผลกระทบบ้างจากปัญหาสินค้าราคา Commodity ที่ปรับตัวขึ้น (น้ำมันแก๊ส) ส่งผลต่อค่าครองชีพประชาชน แต่ในเชิงเศรษฐกิจจริงอาจได้รับผลกระทบไม่มากนัก เนื่องจากมีสัดส่วนการส่งออกไปรัสเซียเพียง 0.56% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด และนักท่องเที่ยวจากรัสเซียคิดเป็นเพียง 3.7% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้าประเทศไทยในปี 2019

โดย Sector ที่ควรให้ความสนใจหรือมองเป็นโอกาสในช่วงตลาดปรับฐาน ได้แก่ Domestic Sector อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ร้านอาหาร (M MINT) สื่อสาร (ADVANC) ธนาคาร (BBL KBANK SCB) ขนส่ง (BTS BEM) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจำกัด (โดนกระทบจาก ปัญหาสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้น กดดันกำลังซื้อบ้าง แต่ก็ยังเชื่อว่าจะไม่สูงมาก เพราะเป็นสินค้าจำเป็น) โดยประเมิน SET INDEX วันนี้อาจมีจังหวะอ่อนตัวลงบ้าน แต่จะเชื่อว่าจะไม่แรงเท่าไรนัก จาก (1) Nikkei เช้านี้เริ่มทรงตัวได้แม้จะอยู่ในแดนลบ แต่ลบไม่มาก (-0.3%) (2) Valuation ของ SET เริ่มคลายตัวมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้าเราเคยแนะไปแล้วว่าบริเวณ 1,700 เป็นจุดที่ควรระมัดระวังหาก Earnings Yield Gap กลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ย SET INDEX จะอยู่ที่ 1,580 เชิงกลยุทธ์การลงทุนอาจเริ่มกลับมาให้ความสนใจกับตลาดอีกครั้งหลังจากแนะทยอยลดพอร์ตไปก่อนหน้า แต่ไม่ถึงกับต้องเร่งร้อนเข้าลงทุนจนกว่าจะเริ่มเห็นบริเวณ 1,600 และหากปรับตัวลงมาถึงมองเป็นโอกาสสำหรับเข้าสะสม Domestic ส่วนระยะสั้นวันนี้แนะ ADVANC SCGP

ADVANC (ซื้อ /ราคาเป้าหมาย 269 บาท) คาดรายได้กลุ่มลูกค้าองค์กรจะมีสัดส่วน 20% ของรายได้รวมภายในปี 2025 ขณะที่ผู้บริหารเชื่อว่ากลุ่มนี้จะมีส่วนแบ่ง 20% ของรายได้รวมภายในปี 2024 ต่างกันเล็กน้อยเพราะคาดว่าการแข่งขันจะสูงขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

SCGP (ซื้อ /ราคาเป้าหมาย 72 บาท) ประเมินภาพรวมกำไร 1Q22 ที่ยังแข็งแกร่ง QoQ จากราคากระดาษคราฟท์ที่แข็งแกร่ง หนุนจากอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่ค่อย ๆ ปรับดีขึ้น และปัจจัยฤดูกาลในช่วงเทศกาลตรุษจีน

- Advertisement -