Daily Focus Domestic Play
2022SET Target: 1770
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวร่วงแรงกว่า 40 จุดลงแตะ 1,580 จุด ก่อนจะมีแรงซื้อกลับช่วงท้ายตลาด หนุนให้ดัชนีพื้นขึ้นเหลือปิดลบเพียง 7.60 จุด ณ สิ้นวัน แรงขายหลักมาจากบัญชีบล. 2.8 พันลบ. และสถาบันในประเทศ 800 ลบ. อย่างไรก็ตาม แรงซื้อที่หนุนมาจากฝั่งนักลงทุนต่างชาติ 2.8 พันลบ. (แต่ยังคง Short SET50 Index Futures เร่งขึ้นเป็น 3.2 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะเร่งแกว่ง Sideways ได้ในระยะสั้น หลังจากร่วงแรงในช่วงก่อนหน้า โดยกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,610-1,635 จุด การฟื้นตัวที่ดีท้ายตลาดวานนี้ทำให้ระยะสั้นมีโอกาสการ Technical Rebound ได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม คาด Upside ยังจำกัดหากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังไม่ยุติหรือมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ล่าสุดสหรัฐฯประกาศแบนการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย เช่นเดียวกับยุโรปที่มีแผนชะลอการใช้พลังงานจากรัสเซียในระยะยาวเช่นกัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวขึ้นเฉียด US$130 ต่อบาร์เรล ขณะที่รัสเซียขู่หยุดส่งก๊าซให้ยุโรป ซึ่งยังทำให้ราคาพลังงานยังมีโอกาสปรับขึ้นกดดันเงินเฟ้อและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม สำหรับไทยเรามองว่าระยะสั้นผลกระทบต่อเศรษฐกิจยังคงจำกัด โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic Play ที่ยังคงได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศหลังคลาย Lockdown ตั้งแต่ปลายปีก่อน โดยกลุ่มที่คาดยังสามารถ Outperform ตลาดได้ ได้แก่ การแพทย์ สื่อสารฯ ค้าปลีก ธนาคาร เป็นต้น
กลยุทธ์ : ยังเน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic Play ที่กระทบจากปัจจัยต่างประเทศจำกัด
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : BDMS, CPALL, OSP, PJW, TOP
หุ้นเด่นวันนี้ : SAWAD
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 74 บาท
- คาดกําไรปี 2022 เติบโตเร่งตัวอย่างมีนัยยะ +16% Y-Y ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ผู้บริหารตั้งเป้าหมายเชิงรุกสินเชื่อเติบโต 20-30% Y-Y NIM ปรับตัวขึ้น และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ฟื้น
- ตั้งเป้าเป็น One-Stop Financial Services Provider ทั้งสินเชื่อจํานําทะเบียน สินเชื่อมอเตอร์ไซค์ สินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้า และโบรคเกอร์ประกัน ขณะที่ Valuation ปัจจุบันถูกกว่าอดีตมาก เทรด PER เพียง 14.2 เท่า
- แนวรับ 54//52 บาท แนวต้าน 56.75//58.50-59 บาท
Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคอีก US$2,035 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$1,593 ล้าน และ US$445 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนผสมผสานโดยพลิกมาไหลเข้าไทย US$86 ล้าน ประเด็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน และการคว่ำบาตรของยุโรปและสหรัฐฯที่มีแนวโน้มลากยาวยังคงสร้างความกังวลและเกิดผลเสียต่อเศรษฐกิจโลก กดดันให้กระแสเงินทุนคาดยังคงไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) หา Downside ของ SET Index จากแรงกดดันของราคาน้ำมันดิบ และ Commodity อื่นๆที่ปรับพุ่งขึ้น โดยอิงจากช่วงที่น้ำมันดิบยืนเหนือ US$100 ต่อบาร์เรล ในปี 2011-2014 เบื้องต้นประเมินว่า EPS ปี 2022 ปัจจุบันที่ 94 บาทมีโอกาสลดลง เหลือ 85+- บาท ซึ่งหากอิง PER 19-19.5 เท่าจะได้ระดับ SET Index ที่เหมาะสมราว 1,620-1,650 จุด ซึ่ง Upside จำกัด ดังนั้นเรามองระดับที่เริ่มน่าสนใจในการเข้าสะสมคือ 1,560-1,570+- จุด ซึ่งล่าสุดวานนี้ดัชนีปรับลงแรงแตะ 1,580 จุด ใกล้เคียงกับที่เราปะเมินก่อนรีบาวด์ได้ดี เรายังเน้นลงทุนในหุ้น Domestic Play เป็นหลัก เราชอบ BDMS CPALL CPN HMPRO KBANK ORI OSP SC TTB
(+) BANPU คาดกำไร 1Q22 จะฟื้นตัวอย่างมีนัยยะจาก Hedging Loss ที่ลดลง รวมถึงได้อานิสงส์จากราคาก๊าซและถ่านหินที่ปรับตัวขึ้น และเชื่อว่าราคาถ่านหินจะยืนเหนือ U$250 ต่อตันได้ใน 3-6 เดือนข้างหน้า เนื่องจากเป็นพลังงานที่ทดแทนเชื้อเพลิงอื่น ปัจจุบันราคาหุ้นเทรด PER 7-8 เท่า ยังคงราคาเป้าหมาย 16.90 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)
(0) CK สิ้นปี 2021 มี Backlog 4.6 หมื่นลบ. และหากรวมรถไฟฟ้าม่วงใต้ที่จะเซ็นศุกร์นี้ จะเพิ่มขึ้นเป็น 7.9 หมื่นลบ. นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้งานเพิ่มทั้งรถไฟฟ้าสีส้ม รถไฟทางคู่และทางด่วนหลายเส้นใน 2H22 จะหนุนการเติบโตระยะยาว เรายังมองบวกต่อธุรกิจรับเหมาฯที่เป็นขาขึ้น ส่วนต้นทุนวัสดุที่ปรับขึ้นยังชดเชยได้จากการปรับค่า K ขณะที่ลูกอย่าง BEM จะทยอยฟื้นปีนี้ เรายังคาดกำไรปี 2022 +28% Y-Y ระยะสั้นกำไร 1Q22 จะยังไม่โดดเด่น แต่จะเร่งขึ้นชัดใน 2Q22 เป็นต้นไป คงราคาเป้าหมาย 26 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(-) TOA ระยะสั้นเป็นลบ กำไร 1Q22 จะลดลงทั้ง Q-Q, Y-Y จากต้นทุนวัตถุดิบที่เป็นขาขึ้น โดยเฉพาะ TiO2 จากปัญหา Demand-Supply ของเหมืองและการผลิตที่ใช้พลังงานสูง และยังมีแนวโน้มปรับขึ้นอีก ส่วนต้นทุนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันมีแนวโน้มปรับขึ้นเช่นกัน ทําให้เราปรับลดประมาณการกำไรลงเป็นทรงตัวจากปีก่อน และปรับลดราคา เป้าหมายลงเหลือ 32 บาท แนะนำ “ซื้อลงทุน”
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 184.74 จุด หรือ 0.56% ปิดที่ 32,632.64 จุด หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ กดดันจากการทําสงครามในยูเครน และชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซีย
(+) ตลาดหุ้นเอเชียปรับขึ้น จากแรงซื้อเก็งกำไรหลังดัชนีปรับลงแรงในช่วงก่อนหน้า
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.14 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 4.30 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 123.70 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตรการน่าเข้าน้ำมันจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียส่งกําลังทหารบุกโจมตียูเครน ขณะที่ ติดตาม EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐวันนี้ ท่ามกลางนักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 800,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 47.4 ดอลลาร์ หรือ 2.37% ปิดที่ 2,043.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,067.34 / +4.64