ภาพกลางยังไม่ชัด แต่ยังให้น้ำหนักกับระยะสั้นฟื้น

มีตลาดรอติดตามการเจรจายูเครน-รัสเซียรอบล่าสุดพฤหัสนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งห้ามนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย 3.6% สู่ 123.7 เหรียญฯ/บาร์เรล เนื่องจาก 1) การดำเนินการดังกล่าวอยู่ในคาดการณ์ของนักลงทุนแล้ว 2) สหรัฐฯ รายงานสต๊อคน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา 3) ผลกระทบต่อภาพรวมตลาดน้ำมันไม่มากนัก โดยสหรัฐฯ นำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียเพียง 3% ขณะที่สหรัฐไม่ติด 10 อันดับแรกของประเทศที่รัสเซียส่งออกน้ำมัน 4) นักลงทุนรอติดตามการหารือระหว่าง รมว.ต่างประเทศของยูเครนและรัสเซีย ที่มีตุรกีเป็นเจ้าภาพในวันที่ 10 มี.ค.นี้ ด้วยปัจจัยทั้งหมดข้างต้น เรายังคงมุมมองต่อเนื่องจากเมื่อวานให้น้ำหนักกับตลาดระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัว ขณะที่ภาพระยะกลางการจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง จำเป็นที่ความขัดแย้งจะต้องได้ข้อยุติ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ต้องออกมาปรับลดความเร็วในการขึ้นดอกเบี้ย เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินไปสู่เศรษฐกิจชะงักงัน (stagflation) หรือเศรษฐกิจถดถอย (recession) ตามที่ตลาดพันธบัตรกำลังส่งสัญญาณ

สินค้าโภคภัณฑ์ยังมีแนวโน้มบวก แต่หุ้นโภคภัณฑ์เริ่มไม่แน่ ผลของภาวะสงครามทำให้สินค้าโภคภัณฑ์บางชนิดปรับขึ้นอย่างรุนแรงหลายเท่า จนทำให้บริษัทที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และใช้กลไกของการขายชอร์ต เพื่อทำการประกันความเสี่ยงราคา (hedging) เผชิญภาวะที่ยากลำบากจากการดำรงเงินประกัน โดยมีบริษัทหลายแห่งถูกเรียกการวางหลักประกันเพิ่ม (margin call) เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับสูงขึ้นจากราคาที่ขายชอร์ตไว้มาก ซึ่งหากหน้าตักของบริษัทไม่เพียงพอ หรือกลไกบริหารความเสี่ยงไม่เพียงพอ จะมีความเสี่ยงที่จะถูกบังคับปิดสถานะ และทำให้อาจต้องรับรู้ผลขาดทุนจากการประกันความเสี่ยง ทำให้คาดการณ์ผลการดำเนินงานของบริษัทที่ทำธุรกิจด้านโภคภัณฑ์จะมีความไม่แน่นอนสูง รวมถึงอาจรายงานผลการดำเนินงานผิดไปจากที่คาดหมายได้ ซึ่งนักลงทุนอาจต้องตระหนักถึงความเสี่ยงดังกล่าว ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์ การเลือกเก็งกำไรกับกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ และอิงกับภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก (อาทิ ธนาคาร ค้าปลีก สื่อสาร บันเทิง อสังหาริมทรัพย์ และนิคมอุตสาหกรรม) จะทำให้การเลือกหุ้นง่ายขึ้น และมีความเสี่ยงในการลงทุนที่ลดลง

ประเด็นเก็งกำไรอื่น

1) กลุ่มพลังงาน PTTEP, BANPU, TOP

2) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นกลุ่มที่มักจะเคลื่อนไหวได้ดีในภาวะเงินเฟ้อ อีกทั้ง valuation ต่ำ และปันผลสูง ทำให้มีโอกาสเห็นการฟื้นตัว ของ LH, SPALI, AP, SC, ASW

3) กลุ่มบันเทิง งบโฆษณาที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ บวกต่อ ONEE, BEC, WORK, MONO

4) หุ้นเก็งกำไรทางเทคนิค อาทิ WFX, CV, UBE, RAM, IND, MAKRO, CPALL, JAS, BCP, AJ, PTL, PJW, III, TNP

5) กลุ่มอาหารและเกษตร CPF, TU, GFPT, KSL

6) ค่าระวางเรือ PSL, TTA

7) ราคาแป้งสาลี-มันสําปะหลัง TWPC, TMILL, UBE

ภาพรวมกลยุทธ์: ระยะสั้นยังให้น้ำหนักของการฟื้น โดยมีแนวต้านสำคัญ 1,640-1,650 จุด ติดตามความเสี่ยงบาทอ่อนค่า หลังราคาน้ำมันขึ้นสูง อาจทําให้ไทยมีโอกาสขาดดุลการค้า ซึ่งอาจกระทบ Fund flow ระยะสั้น

หุ้นแนะนำ: TIDLOR*, KBANK*, PJW*, TTA*

แนวรับ: 1,600-1,615 / แนวต้าน : 1,640 จุด สัดส่วน : เงินสด 60%:พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นการลงทุน

  • จีนพร้อมมีบทบาทแก้ไขวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน – ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำของจีน กล่าวว่า จีนพร้อมที่จะมีบทบาทอย่างมากในการแก้ไขวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ตามที่ทุกฝ่ายมองว่ามีความจำเป็น
  • TOP – รับไตรมาส 1/65 บันทึกกำไรสต๊อกน้ำมัน หลังราคาน้ำมันดิบพุ่งแรง เผยแม้เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่ดีมานด์น้ำมันดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงคาดเฉลี่ย 7 ดอลลาร์
  • RAM-THG-VIBHA ร่วมทุนสร้าง รพ.ใน Jin Wellbeing Country – ขนาด 250 เตียง ตั้งอยู่บริเวณโครงการ Jin Wellbeing Country งบประมาณลงทุน 2,700 ล้านบาท โดย RAM ถือหุ้น 40% ร่วมกับ THG 30%, VIBHA 10%, และกลุ่มแพทย์ นพ. นภสินธุ์ เถกิงเดช 20%
  • Opportunity day – 9 มี.ค. TPBI, JWD, TACC, HARN, AIT, PLANB, PT, PJW, HUMAN, TNITY, PYLON, CRD // 10 มี.ค. SAWAD, DRT, NVD, SC, SGP, ILM, PM, TVD, SENA, CV, ICHI, CHO, PROEN, BC // 11 มี.ค. IVL, HL, HANA, PTG, TQM, JP, JKN, SUPER, TVO, LALIN, PDJ, BCH, HMPRO

ประเด็นติดตาม: 9 มี.ค. – Chinese CPI เดือน ก.พ., 10 มี.ค. – US CP เดือน ก.พ. –

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

ประเด็นลงทุนสําหรับหุ้นแนะนำ

  • เก็งกำไร TIDLOR* (48) : เก็งกำไรผลการดำเนินงานเติบโตเด่นที่สุดในกลุ่ม ตัดขาดทุน 37 บาท
  • เก็งกำไร KBANK* (161) : เก็งกำไรหุ้นธนาคารใหญ่ที่ยังซื้อขายต่ำมูลค่าทางบัญชี ตัดขาดทุน 154 บาท
  • เก็งกําไร PW* (4.60) : เก็งกำไรแนวโน้มการเติบโตผลประกอบการปี 2565 ตัดขาดทุน 4.20 บาท
  • เก็งกําไร* TTA (12) : ผลประกอบการเข้าสู่ high season ตัดขาดทุน 9.35 บาท

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

Market News & Factors

ตลาดหุ้นสหรัฐ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (8 มี.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศคว่ำบาตร การนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น และทำให้ตลาดวิตกกังวลว่าความ ขัดแย้งระหว่างประเทศอันเนื่องมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น (อินโฟเควสท์)

ตลาดหุ้นยุโรป

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันอังคาร (8 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามในยูเครน และการที่ ชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซีย (อินโฟเควสท์)

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วง 3 วันทำการติดต่อกัน โดยร่วงลงต่ำกว่าระดับ 25,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 16 เดือน จากความวิตกเกี่ยวกับราคาพลังงานที่พุ่งขึ้น หลังการเจรจาหยุดยิงรัสเซีย-ยูเครนรอบ 3 ล้มเหลว (อินโฟ เควสท์)

ตลาดน้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 5% ในวันอังคาร (8 มี.ค.) หลังสหรัฐประกาศ ความาตรการนําเข้าน้ำมันจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน ขณะเดียวกันนัก ลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ (อินโฟเควสท์)

TOP

รับไตรมาส 1/65 บันทึกกำไรสต็อกน้ำมันหลังราคาน้ำมันดิบพุ่งแรง เผยแม้เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่ดีมานด์น้ำมันดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงคาดเฉลี่ย 7 ดอลลาร์

RAM-THG-VIBHA ร่วมทุน สร้าง รพ.ใน Jin Wellbeing Country

RAM เผยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้ร่วมลงทุนในโครงการโรงพยาบาลธนบุรี โดยเป็นการร่วมลงทุนเพื่อประกอบกิจการโรงพยาบาลเอกชนขนาด 250 เตียง ตั้งอยู่บริเวณโครงการ Jin Wellbeing Country งบประมาณลงทุน 2,700 ล้านบาท โดย RAM ถือหุ้น 40% ร่วมกับ THG 30%, VIBHA 10%, และกลุ่มแพทย์ นพ.นภสินธุ์ เถกิงเดช 20%

สหรัฐคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเกือบ 4%

Report & Corporate News

CK Maintained BUY TP : 23.50 บาท

เราเห็นแรงกดดันด้านต้นทุนจากราคาปัจจัยการผลิตที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นความกังวลหลักสำหรับ CK ใน 1Q22 โดยจะกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปข้างหน้า แรงกดดันด้านต้นทุนจะถูกชดเชยด้วยยอด backlog ที่เพิ่มขึ้นจากการประมูลที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง อย่างไรก็ตาม ตลาดมีการรับรู้ปัจจัยลบบางส่วนจากการที่ราคาหุ้นตกต่ำลงเมื่อเร็วๆ นี้ คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย: 23.50 บาท

RATCH Maintained HOLD TP : 51.00 บาท

หลังจากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ แนวโน้มของเราต่อ RATCH ยังคงดี และเราคาดว่ากำไรจะเติบโต 21% ในปี 2022 ซึ่งสูงกว่าคู่แข่ง แม้จะได้รับผลกระทบจำกัดจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ล่าสุด แต่เราคาดการณ์ว่าตลาดจะ wait and see ต่อการเพิ่มทุนของ RATCH ในเดือน พ.ค. 22 เราเชื่อว่าเป็นการดีที่สุดที่จะรอ M&A ใหม่ คงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย: 51.00 บาท

BANPU

บริษัทคาดรายได้ปี 65 จะเติบโตกว่าปีก่อน ที่ทำได้ 1.34 แสนล้านบาท เป็นไปตามราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากผลกระทบสถานการณ์สงครามรัสเซียและยูเครนที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น เป็นแรงผลักดันความต้องการพลังงานที่มาใช้ทดแทน (อินโฟเควสท์)

SEAFCO

บริษัทยอมรับว่าคงต้องลุ้นว่าผลประกอบการทั้งปีจะมีกำไรหรือไม่ หลังจากปีก่อนบริษัทมีผลขาดทุนราว 56.64 ล้านบาท โดยยังต้องติดตามปริมาณงานในปีนี้ว่าจะมีปริมาณมากตามที่คาดไว้หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าในครึ่งปีหลังจะมีกำไรแน่นอน เนื่องจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ และโครงการของเอกชนจะทยอยออกมาเพิ่มมากขึ้น จะหนุนให้อัตราการใช้เครื่องจักรเพิ่มขึ้นเป็น 75-80% จากปัจจุบันอัตราการใช้เครื่องจักรอยู่ 40-50% (อินโฟเควสท์)

KUN

บริษัทวางแผนงานระยะกลาง 5 ปี (ปี 66-70) เตรียมพร้อมพัฒนาและที่ดินเปล่าที่ได้วางมัดจำไว้แล้ว รวมมูลค่าโครงการเกือบ 10,000 ล้านบาท รวมถึงแผนในการเปิดโครงการใหม่ไว้พร้อมแล้ว ดังนั้นจะเห็นได้ว่าบริษัทมีความสามารถในการรับรู้รายได้จากปัจจุบันจนถึงปี 70 เป็นที่เรียบร้อย (อินโฟเควสท์)

- Advertisement -