ตลาดหุ้นวานนี้

SET ปิดไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าแม้ภาคเช้าจะเปิดกระโดดขึ้นราว 6 จุดจากแรงซื้อคืนหุ้นกลุ่มธนาคารและอิเล็กทรอนิกส์คล้ายกับตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างไรก็ตามดัชนีค่อยๆ อ่อนตัวลงจากแรงขายล็อกกำไร และมี Sentiment ลบหลังจากดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ฟิวเจอร์และตลาดหุ้นยุโรปเปิดซื้อขายในแดนลบ

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

ประเมินว่า SET แกว่งตัว 1,670 – 1,690 จุด แม้ดัชนีจะได้แรงหนุนกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังคาซัคสถานระงับส่งออกน้ำมันจากผลกระทบพายุ อย่างไรก็ตามต้นทุนเชื้อเพลิงที่พุ่งขึ้นจะเร่งให้เงินเฟ้อสูงขึ้นส่งผลให้ FED เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย นอกจากนี้สถานการณ์สงครามยูเครน-รัสเซียที่ไม่แน่นอน รวมถึงตลท.ปรับมาตรการกำกับการซื้อขายหุ้น Cash balance จะเป็นแรงกดดันทิศทางการลงทุน

วันนี้ 24 มี.ค. ติดตาม สหรัฐ EU นาโต กลุ่มG7 ประชุมกำหนดมาตรการคว่ำบาตรระลอกที่ 5 ต่อรัสเซีย

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • PTTEP TOP IVL SPRC BCP ราคาน้ำมันดิบ+ค่าการกลั่นทรงตัวระดับสูง
  • กลุ่มเดินเรือ PSL TTA ค่าระวางเรือเทกองฟื้นตัวขึ้น
  • Defensive stock ช่วงตลาดผันผวน BDMS BH INTUCH ADVANC BTS BEM

หุ้นแนะนำวันนี้

  • TOP (ปิด 53.75 ซื้อ/เป้า 63 บาท) 1Q22 แนวโน้มกำไรพุ่งแรงได้ประโยชน์ 2 เด้งจาก 1) ค่าการกลั่นฟื้นตัวต่อเนื่องคาดเฉลี่ย 1Q22 ที่ระดับ 7-8$/bbl เทียบ 4Q21 ที่ 5-6$/bbl และ 2) ราคาน้ำมันดิบพุ่งทะลุระดับ 110$/bbl หนุนหุ้นโรงกลั่นบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบจำนวนมาก

  • BDMS (ปิด 25.25 ซื้อ/เป้า 31 บาท) จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังเร่งตัวขึ้นหนุนรายได้จากการตรวจโควิดเพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มผู้ป่วนต่างชาติได้ประโยชน์โดยตรงจากมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยงของภาครัฐผ่านมาตรการ Test & Go รวมถึงความการฟื้นความสัมพันธ์ ไทย-ซาอุฯ ช่วยเพิ่มกลุ่มลูกค้าตะวันออกกลาง

บทวิเคราะห์วันนี้

TH (ปิด 4.2 ซื้อ/เป้าใหม่ 5.2 เดิม 3.9)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) ดาวโจนส์ร่วง 449 จุด นักลงทุนกลับมากังวลเรื่องเงินเฟ้อหลังราคาน้ำมันดิบพุ่งแรง: ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ลดลง 449 จุด (-1.29%) ปิดที่ระดับ 34,359 จุด เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงและจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่วันนี้ตลาดรอดูการประชุมของชาติพันธมิตรเพื่อหาแนวทางในการคว่ำบาตรรัสเซียเป็นรอบที่ 5
  • (+) กลุ่มน้ำมัน – ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งแรงกว่า 5.6 ดอลลาร์จากข่าวคาซัคสถานระงับการส่งออก: ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นทันทีกว่า 5.66 ดอลลาร์ (+5.2%) ปิดที่ระดับ 114.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังมีรายงานว่าบริษัทแคสเปียน ไปป์ไลน์ คอนซอร์เทียม (CPC) ของคาซัคสถานต้องหยุดส่งออกน้ำมันดิบประมาณ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน (1.2% ของความต้องการน้ำมันดิบทั้งโลก) เนื่องจากประสบปัญหาการผลิตจากผลของพายุพัดถล่ม
  • (+/-) ติดตามส่งออกไทยเดือน ก.พ. คาดยังขยายตัว สงครามยังไม่กระทบ: เรายังมีมุมมองบวกต่อทิศทางการเติบโตของยอดส่งออกในเดือน ก.พ. โดยมีปัจจัยหนุนจากค่าเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่า ศก. ของประเทศคู่ค้ายังขยายตัวได้ดี ส่วนปัจจัยลบจากสงครามคาดว่าจะยังไม่มีผลกับยอดส่งออกในเดือน ก.พ. เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือน (24 ก.พ.) เบื้องต้น Consensus คาดยอดส่งออกเดือน ก.พ. ขยายตัว 10-11%yoy (ม.ค.+8%yoy)
- Advertisement -