บล.โกลเบล็ก:

T.A.C. CONSUMER PLC. (TACC)

คาดกำไรปี 65 เติบโต 9%YoY

  • ปี 64 บริษัทมีกำไร 214 ลบ. (ใกล้เคียงกับคาด) +14%YoY
  • คาดกำไรสุทธิปี 65 ราว 234 ลบ. +9%YoY
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 65 ที่ 8.75 บาท

ประเด็นสำคัญในการลงทุน

  • ปี 64 บริษัทมีกำไร 214 ลบ. (ใกล้เคียงกับคาด) +14%YoY บริษัทรายงานรายได้ปี 64 เท่ากับ 1,353 ลบ. +2%YoY แม้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ยังเห็นการเติบโตของรายได้จากปีก่อน โดยมี ปัจจัยหนุนการเติบโตไปตามการขยายสาขา 7-Eleven ซึ่งปี 64 ขยายไปทั้งหมด 702 สาขา ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับมาใช้บริการ 7-Eleven Delivery มากขึ้น นอกจากนี้ ยังรับรู้รายได้เต็มปีจากการเพิ่มแก้วขนาด 22 Oz (เครื่องดื่ม Non-Coffee Menu ในมุม All Café) ส่วน %GPM ปรับดีขึ้นมาที่ระดับ 38% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 34% เนื่องจาก 1.ปรับ Product Mix 2.การเพิ่มขนาดแก้ว 22 oz และ 3.ควบคุมประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุน ส่งผลให้ปี 64 บริษัทมีกำไรเท่ากับ 214 ลบ. (ใกล้เคียงกับที่เราคาดที่ 215 ลบ.) +14%YoY
  • คาดกำไรสุทธิปี 65 ราว 234 ลบ. +9%YoY เราประมาณการรายได้ปี 65 ราว 1,542 ลบ. +15%YoY โดยคาดรายได้ปีนี้จะเติบโตด้วยปัจจัยหนุน 4 ประการ คือ 1.โตตามกลุ่มร้านสะดวกซื้อ (ร้าน 7-Eleven และ Lotus’s go fresh) ที่คาดจะฟื้นตัวตามสถานการณ์โควิด-19 ที่จะทยอยดีขึ้น ตามลำดับ 2. ขยายตัวตามการเปิดสาขาใหม่ของ 7-Eleven เฉลี่ยปีละ 700 สาขา 3.ธุรกิจ Character Business ลูกค้าเริ่มทยอยกลับมา หลังจากถูกเลื่อนเนื่องจากการล็อคดาวน์ในปีก่อน โดยช่วง 2 เดือนแรกปีนี้มีการจัด Events ใหญ่แล้ว 3 แห่ง และ 4. ขยายการเข้าไปจำหน่ายเครื่องดื่มใน Food court ของ Lotus’s Hypermarket โดยปัจจุบันเข้าไปให้บริการเพียง 75 สาขา จากทั้งหมด 240 สาขา
  • มีความไม่แน่นนอนทางบวกและลบรออยู่ ต้นทุนผลิต อาทิ น้ำตาล ครีมเทียม และค่าขนส่ง ที่เร่งขึ้นตามเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยกดดัน %GPM ในปีนี้ อย่างไรก็ดี ช่วง 1H65 จะยังไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีการทำ Forward ไว้แล้ว แต่หากราคาต้นทุนยังคงเร่งขึ้นต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยกดดันต่อผลประกอบการในช่วง 2H65 เบื้องต้นเราประมาณการ %GPM ปีนี้อยู่ที่ระดับ 36.5% ลดลงจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 38% ส่งผลให้เราคาดกำไรสุทธิปีนี้ ราว 234 ลบ. +9%YoY อย่างไรก็ดี คาดผลประกอบการยังมีอัพไซต์จากผลิตภัณฑ์กัญชง-กัญชา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการวิจัยและพัฒนาสินค้า โดยคาดจะเริ่มวางขายในช่วงกลาง-ปลายปีนี้
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 65 ที่ 8.75 บาท เราประเมินราคาเหมาะสมปี 65 ของ TACC ที่ 8.75 บาท (จากเดิมใช้ราคาเหมาะสมปี 64 ที่ 8.20) อิง Prospective PER ที่ระดับ 23.2x ณ ระดับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ซึ่งต่ำกว่า PE ของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่ระดับ 25x โดยราคาหุ้นปัจจุบันมีอัพไซต์กว่า 17% บริษัทไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย และจ่ายปันผลในอัตรากว่า 4% ต่อปี เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง

  1. การแข่งขันของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่รุนแรง
  2. รายได้กว่า 90% พึ่งพาร้าน 7-Eleven
  3. สัญญา San-x (Character Business) สิ้นสุดปี 2567
- Advertisement -