ไม่มีปัจจัยใหม่ ตลาดเลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกหรือ Laggard
- ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูง สถานการณ์ในยูเครนยังไม่มีข้อสรุปที่เป็นรูปธรรมที่จะนําไปสู่การหยุดยิง หรือข้อตกลงสันติภาพ แม้มีความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะยอมรับการเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ของยูเครน ซึ่งจะทำให้รัสเซียมีทางลงในเวทีการเมืองโลก แต่ยังไม่มีข้อสรุปเกี่ยวกับดินแดนที่รัสเซียยืดครองอยู่ ขณะเดียวกันการลดกิจกรรมทางทหารรอบกรุงเคียฟ แม้เป็นสัญญาณบวกของการเจรจา แต่ก็อาจมองว่าเป็นการสับเปลี่ยนกำลังพลใหม่ หรือการกลับไปกระชับสมรภูมิภาคตะวันออกในภูมิภาคดอนบาส ซึ่งแสดงถึงเจตจำนงที่รัสเซียจะครอบครองดินแดนส่วนนี้ต่อ ทําให้แม้จะเห็นสัญญาณบวกของการเจรจา แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะใช้ระยะเวลานานกว่าจะได้ข้อสรุป เรามองน้ำมันจะยังทรงตัวในระดับสูง และกลุ่มโรงกลั่นจะยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในช่วงที่น้ำมันไม่ได้ขึ้นแรงเช่นนี้ โดยเรายังคงชอบ TOP ขณะที่นักลงทุนอาจเลือกเก็งกําไร ESSO, SPRC และ BCP
- กนง.มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% ตามคาด ขณะที่ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2565-66 ลงเหลือ 3.2% และ 4.4% (จากเดิม 3.4% และ 4.7%) ในมุมมบวกการคงดอกเบี้ยนโยบายดังกล่าว สะท้อนมุมมอง กนง. ต้องการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ และกนง.มี ความเห็นปัญหารัสเซีย-ยูเครน ไม่กระทบภาพรวมการฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม เรามองการปรับประมาณการที่สำคัญ คือ การเปลี่ยนมุมมองคาดการณ์ดุลบัญชีเดินสะพัด (Current account) เป็น -6 พันล้านเหรียญฯ (จาก +1.5 พันล้านเหรียญฯ) ซึ่งสอดคล้องกับที่เราประเมินราคาน้ำมันดิบในระดับสูง จะทําให้เกิดขาดดุลการค้า ซึ่งเมื่อรวมกับดุลบริการที่ยังติดลบ เพราะการเปิดประเทศที่ล่าช้า ทำให้อาจเกิดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งนอกจากจะทำให้เงินบาทมีแนวโน้มอุ่นค่าแล้ว จะยังเป็นปัจจัยที่อาจทําให้เงินทุนไหลเข้า (Fund flow) ชะลอ ซึ่งเราส่งสัญญาณให้นักลงทุนติดตามปัจจัยดังกล่าวมา ระยะหนึ่งแล้ว
ประเด็นเก็งกําไรอื่น
1) กลุ่มพลังงาน PTTEP, BANPU, TOP (เน้นโรงกลั่น)
2) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นกลุ่มที่มักจะเคลื่อนไหวได้ดีในภาวะเงินเฟ้อ อีกทั้ง valuation ต่ำ และปันผลสูง ทำให้มีโอกาสเห็นการฟื้นตัวของ LH, SPALI, AP, SC, ASW
3) หุ้นเด่นไตรมาส 2/65 ที่เราชอบ ได้แก่ BBL, TIDLOR, CPN, OSP, TRUE, ONEE, TOP และ IVL
4) ขณะที่หุ้นที่สามารถเลือกเก็งกำไรในช่วงนี้ ได้แก่ KCE, HANA, PJW, TTCL, THREL, BLA, IND, MAJOR, WORK, TH, ERW, MINT, CENTEL SHR, AAV เป็นต้น
ภาพรวมกลยุทธ์: การยืนเหนือ 1,685 ทำให้มีโอกาสยกกรอบการเล่นขึ้นเป็น 1,685 1,720 จุด ประเมินบรรยากาศเก็งกำไรโดยรวมยังได้อานิสงค์บวกจากความคาดหวังสงครามรัสเซีย-ยูเครนยุติ Window dressing และการเปิดประเทศรับการท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการดูแลค่าใช้จ่าย เป็นปัจจัยหนุนกลุ่มที่เกี่ยวข้อง แต่มองการขึ้นของตลาดเป็นจังหวะในการลดน้ำหนัก
หุ้นแนะนำ: TOP*, BJC*, CENTEL*, IND*
แนวรับ: 1,685 / แนวต้าน : 1,699-1,708 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
- กนง.คงดอกเบี้ย พร้อมปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปี 65 และ 66 – กนง.มีมติ เป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% ต่อปี พร้อมปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 65 และ 66 ลงเหลือ 3.2% (จากเดิม 3.4%) และ 4.4% (จากเดิม 4.7%) ตามลำดับ ขณะที่ปรับเพิ่มเงินเฟ้อคาดการณ์ปี 65 ขึ้นสู่ระดับ 4.9% จากคาดการณ์ เดิมที่ 1.7% รับราคาพลังงานพุ่ง
- สหรัฐรายงาน GDP ต่ำกว่าคาด – กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลข GDP ประมาณการครั้งที่ 3 ประจำไตรมาส 4/2564 ขยายตัว 6.9% เท่ากับตัวเลข ประมาณการครั้งที่ 1 แต่ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 7.0% และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 7.1%
- CPN – เตรียมงบ 1 แสนล้านบาท ขยาย 50 โครงการ ครอบคลุมอาเซียนใน 5 ปี ไม่รวมโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ โดยปีนี้ตั้งงบ 2 หมื่นล้านบาทลงทุน “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ขยายพื้นที่ศูนย์การค้าเดิมและลงทุน 2 โครงการใหม่
- KTC – ผนึก อโกด้า มาสเตอร์การ์ด เปิดบัตรใหม่เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว 1.5 แสนใบ ภายใน 5 ปี พร้อมยืนเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรปี 65 โต 10%
ประเด็นติดตาม: 31 มี.ค. – China Manufacturing PMI เดือน มี.ค., ประชุมโอเปคและพันธมิตร
ประเด็นลงทุนสําหรับหุ้นแนะนำ
- เก็งกำไร TOP๕ (65) : เก็งกำไรผลประกอบการมีโอกาสสูงเป็นประวัติการณ์ ตัดขาดทุน 50 บาท
- เก็งกำไร BIC* (40) : เก็งกำไรแผนการเติบโตในอนาคตมุ่ง CLMV หนุนการเติบโตเร่งตัวขึ้น ตัดขาดทุน 35 บาท
- เก็งกำไร CENTEL* (45) : กำไรเข้าสู่เฟสการขยายตัวได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศ ตัดขาดทุน 33 บาท
- เก็งกำไร IND* (2.50) : เก็งกำไรธุรกิจ turnaround ตัดขาดทุน 1.95 บาท
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
Market News & Factors
ตลาดหุ้นสหรัฐ
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (30 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจในการเจรจาสันติภาพ ระหว่างรัสเซียและยูเครน นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดันจากความกังวลที่ว่า การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร กลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ (อินโฟเควสท์)
ตลาดหุ้นยุโรป
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพุธ (30 มี.ค.) หลังจากบวกติดต่อกัน 3 วัน ขณะที่นักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้นเพื่อดู สถานการณ์ในยูเครน หลังตลาดทะยานขึ้นเมื่อวันอังคารขานรับการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มี ความคืบหน้า (อินโฟเควสท์)
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOI) และรัฐบาล ญี่ปุ่นอาจดำเนินการเพื่อเข้าสกัดความเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนไม่ให้อ่อนค่าไปมากกว่านี้ โดยเยนแข็งค่าขึ้น และ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงและกรอบล่างที่ระดับ 121 เยนในช่วงสั้นๆ (อินโฟเควสท์)
ตลาดน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% ในวันพุธ (30 มี.ค.) หลังสหรัฐเผยสต็อก น้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันนี้
กนง.คงดอกเบี้ย พร้อมปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปี 65 และ 66
กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% ต่อปี พร้อมปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 65 และ 66 ลงเหลือ 3.2% (จากเดิม 3.4%) และ 4.4% (จากเดิม 4.7%) ตามลำดับ ขณะที่ปรับเพิ่มเงินเฟ้อคาดการณ์ปี 65 ขึ้นสู่ระดับ 4.9% จากคาดการณ์เดิมที่ 1.7%
สหรัฐรายงาน GDP ต่ำกว่าคาด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลข GDP ประมาณการครั้งที่ 3 ประจำไตรมาส 4/2564 ขยายตัว 6.9% เท่ากับตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 แต่ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 7.0% และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 7.1%
CPN
เตรียมงบ 1 แสนล้านบาท ขยาย 50 โครงการ ครอบคลุมอาเซียนใน 5 ปี ไม่รวมโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ โดยปีนี้ตั้งงบ 2 หมื่นล้านบาทลงทุน “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ขยายพื้นที่ศูนย์การค้าเดิมและลงทุน 2 โครงการใหม่
KTC
ผนึก “อโกด้า มาสเตอร์การ์ด” เปิดบัตรใหม่เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว 1.5 แสนใบ ภายใน 5 ปี พร้อมยืนเป้า ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรปี 65 โต 10%
Report & Corporate News
TU Maintained HOLD TP : 23.50 บาท
แม้ TU จะมีการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งในปี 2020-2021 แต่เราคาดว่ากำไรหลักปี 2022 จะลดลง 5.9% โดยส่วนใหญ่มาจากการกลับมาเป็นปกติในธุรกิจหลักของบริษัท และแรงกดดันต่ออัตรากำไรจากการดำเนินงานที่สูงขึ้น เราเชื่อว่ามีความเสี่ยงด้านลบจากประมาณการของตลาด และคาดการณ์การปรับลดกำไรใน 1H22 อย่างไรก็ตาม เรายังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อภาพรวมในระยะยาวของ TU เนื่องจากธุรกิจหลักที่แข็งแกร่ง, การ spin-off บริษัท ITC และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 3.9% คงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย: 23.50 บาท
CPN
เตรียมงบ 1 แสนล้านบาท ขยาย 50 โครงการ ครอบคลุมอาเซียนใน 5 ปี ไม่รวมโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ โดยปีนี้ตั้งงบ 2 หมื่นล้านบาทลงทุน “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ขยายพื้นที่ศูนย์การค้าเดิมและลงทุน 2 โครงการใหม่ (อินโฟเควสท์)
CHAYO
เตรียมรับทรัพย์ขายที่ดิน 900.8 ล้านบาท เดินหน้าเร่งซื้อหนี้เติมพอร์ต หลังสถาบันการเงินออก TOR มาแล้วกว่า 7-8 หมื่นล้านบาท (อินโฟเควสท์)
KTC
ผนึก “อโกด้า มาสเตอร์การ์ด” เปิดบัตรใหม่เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว 1.5 แสนใบ ภายใน 5 ปี พร้อมยืนเป้า ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรปี 65 โต 10% (อินโฟเควสท์)