Our View? “ยังไม่มีอะไรใหม่”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,690 / 1,685 แนวต้านที่บริเวณ 1,705 / 1,710 เรามองตลาดยังคงขาดปัจจัยใหม่เข้าสนับสนุนการปรับตัวขึ้นได้ต่อ ขณะที่ยังคงให้น้ำหนักกับ

1.) ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับวิกฤตยูเครน-รัสเซีย แม้จะมีสัญญาณถึงแนวโน้มการผ่อนคลายลงบ้างในระยะกลาง แต่สถานการณ์ดังกล่าวยังมีความเปราะบางค่อนข้างสูง อีกทั้งออกมาตรการคว่ำบาตรตอบโต้กัน ระหว่างรัสเซีย-สหภาพยุโรป (EU) คาดจะส่งผลให้บางประเทศในกลุ่ม EU โดยเฉพาะเยอรมนีเผชิญวิกฤตพลังงานได้ในระยะถัดไป คาดว่าส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตของ EU กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้

2.) คาดตลาดจะรอติดตามรายงานการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) รอบเดือน มี.ค. ที่ ผ่านมา ที่จะเปิดเผยในวันที่ 7 เม.ย. นี้ ที่ติดตามมุมมองเศรษฐกิจ-เงินเฟ้อ และการปรับใช้นโยบายทางการเงินในระยะถัดไป โดยคาดจะมีโอกาสที่ FED จะส่งสัญญาณในการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่เหลือของ 1H65 บ่งชี้แนวโน้มกระแสเงินทุนส่วนเกินจะเริ่มลดลง ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยง

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ค. เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวลงต่อ ปิดที่ระดับ 99.27 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.01 ดอลลาร์ หรือ -1.00% ยังคงได้รับแรงกดดันจากสหรัฐประกาศระบายน้ำมันสํารองจากคลังสํารองทางยุทธศาสตร์ (SPR) จํานวน 180 ล้านบาร์เรล โดยจะระบายวันละ 1 ล้านบาร์เรล เป็น เวลา 6 เดือน ถือเป็นการระบายน้ำมันสำรองจาก SPR ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ คาดจะกดดันทิศทางราคาน้ำมันดิบ อ่อนตัวลงได้ต่อ ขณะที่เรายังคงมุมมองราคาน้ำมันมีโอกาสอ่อนตัวลงได้ต่อเนื่องจาก

1) แนวโน้มความคืบหน้าของ การเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยุเครน

2.) สหภาพยุโรป (EU) จะมีแนวโน้มทยอยผ่อนคลายมาตรการกีดกันการส่งออกพลังงานของรัสเซียได้ในระยะถัดไป

3.) อุปสงค์จากจีนที่ลดลงตามการ Lockdown

4.) แนวโน้มการกลับมาส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลา และอิหร่าน มองจะเป็นปัจจัยลบกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลงถ่วงตลาดหุ้นไทยได้ต่อ ขณะที่เรามองว่าแนวโน้มการอ่อนตัวลงต่อเนื่องจะส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าของหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF, BGRIM และ GPSC) อ่อนตัวลงตาม มองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มดังกล่าว

สําหรับปัจจัยภายในประเทศ เราประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยเริ่มมี Upside ระยะสั้นที่จํากัด หากพิจารณาในแง่ Valuation ของตลาดหุ้นไทย โดย Bloomberg Consensus จากคาดการณ์ EPS’65 ของตลาดอยู่ที่ระดับ 96.0 บาท หากค่านวณโดยใช้ค่าเฉลี่ย 5 ปี ของ Forward PE Ratio ที่ระดับ 18.0 เท่า ทำให้ได้เป้าหมายอยู่ที่ระดับ 1,730 จุด ขณะที่ปัจจุบันตลาดแกว่งตัวอยู่ที่ระดับ 1,700 จุด ทำให้เหลือ Upside จากที่เราประเมินไว้เพียงราว 1.7-2.0% สะท้อนภาพตลาดในปัจจุบันอยู่ในมูลค่าที่ตึงตัวในระดับหนึ่งแล้ว อีกทั้งตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวในการเข้าสู่ช่วงวันหยุดในเทศกาลตั้งแต่สัปดาห์นี้-สัปดาห์หน้า คาดจะส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายมีโอกาสเบาบางลงไป ส่งผลให้หุ้นขนาดใหญ่อาจเคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบจำกัด โดยเรายังคงชอบหุ้นในกลุ่มเครื่องดื่ม (OSP, ICHI และ SAPPE) คาดจะได้ปัจจัยบวกจากปัจจัยเชิงฤดูกาล รวมทั้งแนวโน้มการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีส่วนผสมของ CBD ในช่วง 2Q’65 คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวได้ อีกทั้งเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่กระทรวงท่องเที่ยวเตรียมเสนอ ศบค. ปลดล็อกมาตรการเข้าประเทศ โดยยกเลิก Thailand Pass คาดเริ่มวันที่ 1 มิ.ย. คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรมปรับตัวขึ้นได้ต่อ (AOT, AWC, ERW, CENTEL และ MINT)

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “CBG”

กลยุทธ์ แนวรับ 107.00 / 105.00 Target 115.00/120.00 Stop <103.00

- Advertisement -