Daily Focus: Earnings and Value Play
2022 SET Target: 1770
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวในแดนบวกได้ค่อนข้างดี นำโดยกลุ่มธนาคาร หลัง KKP ประกาศกำไรออกมาดีกว่าคาดมาก อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงขายออกมาให้เห็นและทำให้ดัชนีปิดบวกไม่กว้างนัก 4.73 จุด ณ สิ้นวัน สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 1.2 พันลบ.และ 1 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติยัง Short SET50 Index Futures อีกกว่า 1 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,680-1,690 จุด โดยระยะสั้นอาจยังได้แรงหนุนจากเม็ดเงินต่างชาติและสถาบันที่ซื้อสุทธิ อย่างไรก็ตาม เรายังประเมิน Upside การปรับขึ้นไม่กว้าง เนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่ที่ชัดเจนเข้ามากระตุ้น ประเด็นเงินเฟ้อโลกและนโยบายการเงินโดยเฉพาะของ FED ที่ดึงตัวเร็ว โดยเฉพาะการเร่งขึ้นดอกเบี้ยและเริ่มลดงบดุลในเดือน พ.ค. ยังเป็นปัจจัยกดดันหลัก ซึ่งทำให้ SET Index ในช่วงที่เหลือของ เม.ย. ต่อเนื่อง พ.ค. ยังมีโอกาสพักตัวระยะสั้นหาระดับ 1,650+- จุดหรือต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม เรามองเป็นโอกาสในการ “สะสมหุ้นพื้นฐาน” เพื่อถือลงทุนระยะกลางยาว โดยยังให้นํ้าหนักบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติที่จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องใน 2H22 ตามทิศทางเศรษฐกิจไทยที่เติบโตเร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่จะเริ่มฟื้นชัดใน 2H22 เป็นต้นไป หุ้นที่เราชอบยังคงเป็นกลุ่ม Value และ Domestic Play ที่มี PER/PBV ต่ำ ได้แก่ กลุ่มธนาคาร โรงกลั่น ค้าปลีก อสังหาฯ อาหารและเครื่องดื่ม การแพทย์ เป็นต้น ส่วนระยะสั้นเลือกเก็งกำไรหุ้นที่คาดประกาศผลประกอบการ 1Q22 แข็งแกร่ง
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดงบ 1Q22 แข็งแกร่ง และยังเน้นลงทุนหุ้น Value และ Domestic Play
หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BCP, ICHI, IVL, ORI, SHR
หุ้นเด่นวันนี้ : GFPT
- แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16 บาท
- คาดกำไร 1Q22 จะฟื้นตัวดี +433% Q-Q, +372% Y-Y จากปริมาณและราคาไก่ที่ปรับขึ้น คาด Gross Margin ปรับขึ้นเป็น 12% ดีกว่าที่เคยคาด ขณะที่ GFN คาดพลิกมีกำไร
- แนวโน้ม 2Q22 เผชิญต้นทุนสูงขึ้น แต่ปริมาณส่งออกฟื้นแรง และการปรับขึ้นราคาขายส่งออกได้มากกว่าน่าจะทำให้กำไรยังดีต่อเนื่อง เราคาดกําไรปี 2022 ฟื้นแรงเป็น 1.3 พัน ลบ. จาก 209 ลบ.ในปี 2021
- แนวรับ 13 บาท แนวต้าน 13.50//14 บาท
Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคอีกบางๆ US$216 ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$106 ล้าน แต่ไหลออกจากเกาหลีใต้บางๆ ส่วนอาเซียนไหลเข้าทุกประเทศ นําโดยอินโดนีเซียและไทย US$58 ล้านและ US$31 ล้าน ตามลำดับ เราคาดว่าระยะสั้นอาจยังเห็นเม็ดเงินไหลเข้า แต่ปริมาณไม่หนาแน่น และคาดยังกระจุกตัวในฝั่งอาเซียน ขณะที่ระยะกลาง-ยาวประเด็นเงินเฟ้อและนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกที่ตึงตัวยัง กดดัน
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) TTB ประกาศกําไร 1Q22 +14% Q-Q, +15% Y-Y ดีกว่าตลาดคาดเล็กน้อย แม้รายได้จะชะลอตัวลงโดยเฉพาะที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย และเงินกู้ภาคธุรกิจ แต่ชดเชยได้จากการควบคุมต้นทุนที่ละไม่มีต้นทุนการควบรวมมากเหมือนปีก่อน ขณะที่คุณภาพหนี้ยังทรงตัวและการตั้งสํารองลดลง เราคาดกําไร 2Q22 ทยอยเติบโตได้ต่อเนื่อง เราคาดกําไรปี 2022 +26 Y-Y สูงสุดในกลุ่มฯ คงราคาเป้าหมาย 1.80 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)
(+) BDMS คาดกำไร 1Q22 +16% Q-Q, +129% Y-Y ทำ Record High จากรายได้ที่โตแกร่ง จากทั้งรายได้เกี่ยวเนื่อง COVID-19 รวมถึงผู้ป่วยเงินสดทั้งไทยและโดยเฉพาะต่างชาติ ประมาณการกำไรปี 2022 ปัจจุบันที่คาด +31% Y-Y อาจมี Upside เราปรับใช้ราคาเป้าหมาย ปี 2023 ที่ 31 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)
(0) DRT คาดกําไร 1Q22 +106% Q-Q, -3% Y-Y จากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ขณะที่ทิศทาง 2Q22 คาดอ่อนลงตาม Low Season และภาพ 2H22 ยังเผชิญความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบ หลังเกิดผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน และอาจทําให้ต้นทุนยังสูงกดดัน Margin เราคงราคาเหมาะสม 8.50 บาท แต่ยังมี Upside แนะนำเพียง “ถือ” หรือ Switch ไป DCC ที่น่าสนใจกว่า
(0) SONIC คาดกำไร 1Q22 +10% Q-Q, +122% Y-Y ทำสถิติสูงสุดต่อ แต่ช่วงที่เหลือของปีมีความท้าทายจากฐานกำไรที่สูงมากในปี 2021 ปริมาณการค้าของไทยปีนี้ที่อาจโดชะลอลงตามเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลัก กำไรที่ดีกว่าที่เคยคาดใน 1Q22 ทำให้เราปรับกำไรปี 2022-2024 ขึ้นเป็น +8% CAGR แต่ Re-rate PER และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 4.60 บาท แนะนําเพียง “เก็งกำไร”
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 249.59 จุด หรือ 0.71% ปิดที่ 35,160.79 จุด จากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐชะลอตัวลง
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก จากการเปิดเผยผลประกอบการเชิงบวกของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับขึ้น ตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ ท่ามกลางติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ในจีน
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลง อยู่ที่บริเวณ 33.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 19 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 102.75 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 8.0 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางกับนักวิเคราะห์คาดเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 3.4 ดอลลาร์ หรือ 0.17% ปิดที่ 1,955.6 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความกังวลว่าเฟดอาจเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1106.74 / +-








