สรุปภาวะตลาด
วันพุธที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวก ตลอดช่วงการซื้อขาย บวกสูงสุดราว 10 จุด ก่อนที่จะ sideway เหลือบวก 5-6 จุด กลุ่มหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีมาจากกลุ่มธนาคารที่ทยอยประกาศงบ ซึ่งบริษัทที่ประกาศแล้ว มีงบที่ดีกว่าตลาด และเห็นแรงซื้อในหุ้นที่คาดว่างบจะออกมาดี โดยได้แรงหนุนจากเม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติต่อเนื่อง ขณะที่กองทุนกลับมา net ซื้อหุ้น 2 วันติด ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,680.35 จุด +4.73 จุด +0.28% มูลค่าการซื้อขาย 69,123.90 ลบ. ต่างชาติ +1,035.82 ลบ. TFEX -10,234 สัญญา ตราสารหนี้ -723.59 ลบ.
ปัจจัยบวก+
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 249.59 จุด +0.71% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่ง รวมถึงไอบีเอ็ม และพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล แต่ดัชนี Nasdaq ร่วงลงกว่า 100 จุดหลังจากบริษัทเน็ตฟลิกซ์ เปิดเผยจํานวนสมาชิกทั่วโลกลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 19 เซนต์ +0.2% ปิด ที่ 102.75 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อก น้ำมันดิบลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
+ เยอรมนีเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ดีดตัวขึ้น 30.9%YoY ในเดือนมี.ค. สะท้อนผลกระทบจากสงคราม ในยูเครนเป็นครั้งแรก
+ กทม. เตรียมกระจายยาแพกซ์โลวิด-กําหนดแนวทางปฏิบัติในการจ่ายยารักษาผู้ป่วยโควิด
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 21,931ราย ATK 20,926 ราย มีผู้เสียชีวิต 129 รักษาหาย 24,619 ราย
ปัจจัยลบ –
– สหรัฐเปิดเผยว่ายอดขายบ้านมือสองลดลง 2.7%MoM สู่ระดับ 5.77 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.80 ล้านยูนิต
– IMF เตือนว่า การซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีที่พุ่งขึ้นในตลาดเกิดใหม่อาจส่งผลกระทบต่อระบบการเงินโลก นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายเจอ โรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วอล์คเอาท์จากที่ประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่ม G20 ทันทีที่รัฐมนตรีคลังรัสเซีย แถลงในการประชุม
– ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบจากต้นทุนค่าก่อสร้างบ้านไตรมาสแรกของปีนี้พุ่ง 5.3% จากพิษสงครามยูเครน-รัสเซีย ดันราคาเหล็กสูงขึ้นถึง 35% และวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้นทุกรายการ รวมทั้งตอบแทนค่าออกแบบก่อสร้างและงานระบบ เฉพาะงานวิศวกรรมรายโครงสร้าง 12%
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยได้แรงหนุนจากการประกาศผลประกอบการของ หุ้นกลุ่มธนาคารที่ออกมาดี ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐชะลอตัวลง ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,670-1,690 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
- กรณีสงครามยืดเยื้อ ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง บวกต่อ PTTEP PTTGC TOP, สินค้าเกษตร ข้าวสาลี และ กากถั่วเหลืองขึ้น เป็นบวกต่อ TMILL TVO และเป็นลบต่อธุรกิจอาหารสัตว์ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น CPF GFPT ASIAN
- จ่อปลดล็อกเข้าประเทศทุกเงื่อนไข 1 มิ.ย.นี้ เลิก ThailandPass/Test&Go : AOT ERW CENTEL MINT AWC
- หุ้นที่ได้ประโยชน์จากอากาศร้อน SNC KOOL SAPPE ICHI TACC
หุ้นรายงานพิเศษ
PTTEP (Bloomberg Consensus 166.00 บาท)
- คาดผลประกอบการ 1Q65 อยู่ที่ 1.03 หมื่นลบ. -11%QoQ และ -3%YoY โดยได้แรงหนุนจากวอลุ่มที่เพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น 1.6%QoQ สู่ 425,000-430,000 บาร์เรลต่อวัน โดยได้แรงหนุนจากแหล่งอาทิตย์ที่เพิ่มกำลังการผลิต ขณะที่ราคาจำหน่ายปรับตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนตามราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวขึ้นสู่ 93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวขึ้นสู่ 6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านต้นทุนการผลิตคาดว่าจะปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากค่าภาคหลวงเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและอนุพันธ์ราว 6.0-7.0 พันลบ.
- ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการตั้งแต่ 1Q65 เป็นต้นไป เนื่องจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับสูงอีกทั้งบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 23%YTD ได้ตอบสนองผลบวกดังกล่าวไปแล้ว เราจึงแนะนำ “ซื้อเมื่อย่อตัว”
หุ้นมีข่าว
(+) FORTH (Bloomberg Consensus 21.50 บาท) เตรียมนำ “เต่าบิน” เข้าตลาดหุ้นกลางปี 2566 กระแสดีเร่งติดตั้ง ชู 1.2 พันตู้ ขายวันละ 2.5-2.6 ล้านบาท ปีนี้ขยายครบ 5 พันตู้ คาดปี 2567 แตะ 2 หมื่นตู้ตามแผน เป็นตู้คาเฟ่ที่มีชนิดน้ำดื่มมากที่สุดในโลก พร้อมเดินหน้าติดตั้งที่ชาร์จอีวี คอนโดมิเนียม-โรงแรม มั่นใจรายได้ตามเป้า 15-20% ลุยประมูลงานกว่า 9 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) RPH (Bloomberg Consensus 7.20 บาท) เปิดแผนการเติบโตปี 2565 เตรียมรีโนเวตโรงพยาบาลแห่งใหม่ ขนาด 100 เตียง รองรับผู้ป่วยที่มีรายได้น้อย ประกันสังคมเพิ่มขึ้น ปัจจุบันยอดผู้ป่วยโควิด-19 หลังวันหยุดยาวยังสูง มั่นใจหนุนผลงานปีนี้โตต่อเนื่อง ด้านอัตราการใช้เตียงผู้ป่วยนอกกลับมารักษาเกิน 50% แล้ว เตรียมเปิดศูนย์รักษามะเร็งตับเพิ่มเติม พร้อมประมาณรายได้รวมปีนี้ คาดทำได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) AJA (Bloomberg Consensus – บาท) ตั้งเป้าขายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV Bike) 3 พันคัน หลังรัฐสนับสนุนเต็มสูบ บวกราคาน้ำมันแพง ด้านธุรกิจขุดเหมืองบิทคอยน์คาด Q2/2565 ติดตั้งครบ 500 เครื่อง สร้างรายได้ 15-20 ล้านบาทต่อเดือน พร้อมลุยประมูลงานภาครัฐในส่วนของพัฒนา Smart City ต่อยอดเติบโตระยะยาวต่อไป (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SAPPE (Bloomberg Consensus 32.00 บาท) จับตาไตรมาส 2/2565 เข้าไฮซีซัน ส่วนผลงานไตรมาส 1/2565 ดีกว่าคาดชูตลาดต่างประเทศฟื้นตัวเด่น เดินหน้าออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง แย้มมีโอกาสเห็นสินค้ากัญชงปีนี้ มั่นใจรายได้ปี 2565 โตตามเป้า 15-20% เดินกลยุทธ์ Collaboration ร่วมกับพันธมิตรต่อยอด พร้อมเจรจาซื้อกิจการหนุน (ที่มา ทันหุ้น)
ปัจจัยจับตาในประเทศ
- สัปดาห์ที่ 4 กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า
- ภายใน 21 เม.ย. หุ้นกลุ่มธนาคารส่งงบการเงินงวด 1Q65
- 22 เม.ย. ประชุมศบค.ประเมินสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังสงกรานต์ เตรียมรับมือเปิดเทอม และปรับแผนเข้าออกประเทศ
- 25 เม.ย. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์
- 29 เม.ย. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
- 18 พ.ค. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 3/2565
ปัจจัยจับตาต่างประเทศ
- 21 เม.ย. อียู รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือน มี.ค. สหรัฐ เปิดเผยจํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย
- 22 เม.ย. อียูรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการ ขั้นต้นเดือนเม.ย. จากเอสแอนด์พี โกลบอล
สหรัฐ รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือนเม.ย.จากเอสแอนด์พี โกลบอล








