บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action TRADING (Maintain)

TP upside (downside) -0.6%

Close Apr 20, 2022 Price (THB) 3.52

12M Target (THB) 3.50

Previous Target (THB) 3.50

What’s new?

  • คาด 1Q65 จะมีกำไรสุทธิ 1.5 พันล้านบาท (-33% QoQ, -74% YoY) โดยปัจจัยบวกจากกำไรสต็อกน้ำมันจำนวน 2.9 พันล้านบาท จะถูกหักล้างด้วยอัตรากำไรของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันหล่อลื่น และปิโตรเคมีที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบ – ต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นมาก
  • ประเมิน Market GIM เหลือ US$8/bbl (-27% QoQ, -42% YoY) ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายรวมที่ US$10-11/bbl

Our view

  • หาก 1Q65 เป็นไปตามคาด จะคิดเป็น 39% ของคาดการณ์ทั้งปี อย่างไรก็ตาม แนวโน้มช่วงที่เหลือของปียังไม่สดใส กำไรสุทธิมีความเปราะบางตามความผันผวนของกำไร-ขาดทุนสต็อกน้ำมัน, มุมมองอุตสาหกรรมปิโตรเคมีปีนี้ยังอ่อนแอ กระบวนการผลิตได้รับผลกระทบจากต้นทุนเชื้อเพลิงสูงกว่าคู่แข่ง และมีแผนปิดซ่อมบำรุงใหญ่ช่วง 4Q65 ทำให้เรายังเห็น Downside ในประมาณการ
  • มอง TOP SPRC IVL เป็นตัวเลือกที่ดูดีกว่าในขณะนี้

IRPC 1Q65 ไม่เด่น สู้โรงกลั่นคู่แข่งไม่ได้

กำไรสต็อกน้ำมันไม่สามารถชดเชยผลกระทบจากต้นทุนได้

สำหรับ 1Q65 แม้ว่าการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกราว US$27/bbl จะทำให้ IRPC มีกำไรสต็อกน้ำมัน (สุทธิรายการอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยง) 2.9 พันล้านบาท และธุรกิจโรงกลั่นได้รับปัจจัยบวกจากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เราคาดกำไรสุทธิ 1Q65 ที่ 1.5 พันล้านบาท (-33% QoQ, -74% YoY) เนื่องจากประเมินว่าปัจจัยบวกข้างต้นจะถูกหักล้างด้วยอัตรากำไรของผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น และปิโตรเคมีที่ลดลง เพราะได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบ โดย 500SN-FO อยู่ที่ US$528/ตัน (-21% QoQ, -32% YoY) PP-Naphtha อยู่ที่ US$505/ตัน (-15% QoQ, -38% YoY) และ ABS-Naphtha อยู่ที่ US$999 ตัน (-27% QoQ, -44% YoY) รวมทั้งคาดว่าการเพิ่มขึ้นอย่างมากของต้นทุนน้ำมันดิบ และต้นทุนพลังงานจะกดดันให้ Market GIM ลดลงเหลือ US$8/bbl (-27% QoQ, -42% YoY) ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายรวมที่ US$10-11/bbl

2Q65 กำไรสต็อกน้ำมันยากขึ้น

มองข้ามไป 2Q65 เราประเมินว่าผลการดำเนินงานหลักจะปรับตัวดีขึ้น QoQ เนื่องจากคาดว่าส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่พุ่งขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลจะสามารถชดเชยต้นทุนน้ำมัน (Crude Premium) ที่ปรับตัวขึ้นได้ นอกจากนี้ คาดว่าอัตรากำไรของปิโตรเคมีน่าจะเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว หลังราคาน้ำมันดิบผันผวนน้อยลง อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิ 2Q65 ยังมีความเปราะบาง เนื่องจากประเมินเบื้องต้นว่า Market GIM อาจทำได้ระดับ US$11/bbl ซึ่งใกล้เคียงจุดคุ้มทุนของบริษัทฯ รวมทั้งโอกาสบันทึกกำไรสต็อกน้ำมันจำนวนมากจะเกิดได้ยากขึ้นใน 2Q65

แผนปิดซ่อมบำรุงใหญ่รออยู่ปลายปี

หากกำไรสุทธิ 1Q65 เป็นไปตามคาด จะคิดเป็น 39% ของคาดการณ์ทั้งปีที่ 3.8 พันล้านบาท (-74% YoY) อย่างไรก็ตาม เรามองว่าผลประกอบการช่วงที่เหลือของปียังไม่สดใส โดยเฉพาะแผนปิดซ่อมบำรุงใหญ่โรงกลั่น – โรงงานปิโตรเคมีจำนวนมากใน 4Q65 ซึ่งเป็นรอบวัฏจักรปิดซ่อมใหญ่ทุก 5 ปี ทำให้ระยะเวลาหยุดซ่อมนานกว่า 1 เดือน ส่งผลให้เรายังเห็น Downside risk ในประมาณการกำไรปี 2565

เส้นทางข้างหน้ายังมีอุปสรรค

เราคงมุมมองระมัดระวังต่อการลงทุน IRPC ในปีนี้ เนื่องจาก 1) อุตสาหกรรมปิโตรเคมีถูกกดดันจากกำลังผลิตใหม่ 2) กระบวนการผลิตได้รับผลกระทบจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นมากกว่าคู่แข่ง 3) 4Q65 จะเป็นช่วงวัฏจักรปิดซ่อมบำรุงใหญ่ทุก 5 ปี คงราคาเหมาะสม 3.50 บาท และคำแนะนำ TRADING อย่างไรก็ตาม สำหรับการลงทุนระยะ 3 เดือนข้างหน้า เรามองว่าหุ้น TOP SPRC ที่มีสัดส่วนธุรกิจโรงกลั่นสูงจะมีความน่าสนใจมากกว่า IRPC รวมทั้งหุ้น IVL จะเป็นตัวเลือกปิโตรเคมีที่มีโมเมนตัมกำไรที่ดีกว่า เนื่องจากตลาดปิโตรเคมี PET ที่แข็งแกร่งกว่า และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจากการปรับสัญญาราคาขาย – M&A

- Advertisement -