บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY
TP upside (downside) 35%
Close Apr 20, 2022 Price (THB) 4.98
12M Target (THB) 6.70
Previous Target (THB) n.a.
What’s new?
- 4Q64/65 เราคาดผลประกอบการจะขาดทุนต่อเนื่องที่ 71 ล้านบาท ธุรกิจของบริษัทลูกยังเป็นตัวฉุด
- ปี 2565/66 เราคาดผลประกอบการจะ turnaround ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมสื่อนอกบ้าน
- ธุรกิจในส่วน Digital Services ได้แก่ กลุ่ม Rabbit มีแนวโน้มของการเติบโตที่ดี โดย VGI คาดการเติบโตที่ 30-40% YoY
Our view
- เรามองว่าราคาปรับลดลงสะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว และคาดว่ากําไรจะฟื้นตัวดีในปี 2565/66
- เราประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 6.70 บาท โดยอิง วิธี Sum of the parts (SOTP) โดยรวมมูลค่าของ ธุรกิจ VGI ที่ 3.80 บาทต่อหุ้น บริษัทร่วมตามสัดส่วนการลงทุน PLANB ที่ 0.63 บาทต่อหุ้น MACO ที่ 0.12 บาทต่อหุ้น KEX ที่ 0.98 บาทต่อ หุ้น FANSLINK ที่ 0.04 บาท ต่อหุ้น และ JMART ที่ 1.11 บาทต่อหุ้น
VGI คาด 4Q64/65 ยังขาดทุน…คาดปี 65/65 Turnaround
คาด 4Q64/65 ยังขาดทุน
เราคาด 4Q64/65 มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ ที่ 71 ล้านบาท ดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ 3Q64/65 ที่มีผลขาดทุน 76 ล้านบาท แต่ลดลงเมื่อเทียบ 4Q63/64 ที่มีกำไรปกติ 76 ล้านบาท จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยืดเยื้อ ส่งผลต่อการฟื้นตัวต่ออุตสาหกรรม โดยเฉพาะสื่อนอกบ้าน จากข้อจำกัดและมาตรการ รวมถึงองค์กรต่างๆ ยังมีมาตรการให้พนักงานทำงานที่บ้าน (WFH) ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ยังใช้เวลาอยู่ที่บ้านเป็นหลัก และไม่ต้องเดินทางไปทำงานทุกวัน ปัจจุบัน BTS ridership อยู่ที่ 2 แสนคน/วัน จากปีที่แล้ว 4 แสนคน/วัน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ OOH ของ VGI ที่มีการให้บริการทั้งตามสถานีรถไฟฟ้า อาคารออฟฟิส สำนักงาน และสถานที่ Outdoor ต่างๆ ขณะที่เราคาดว่าบริษัทฯ จะยังรับรู้ผลขาดทุนจากส่วนแบ่งกำไรในบริษัทลูกราว 110 ล้านบาท ทั้งจาก KEX ที่ได้รับผลกระทบจากการแข่งขันทางด้านราคา โดยทางบริษัทฯ คาด KEX จะขาดทุนประมาณ 150-200 ล้านบาทในปีนี้ และ MACO ที่มีผลขาดทุนจากธุรกิจสื่อนอกบ้าน ขณะที่ภาพรวมปี 2564/65 เราคาดบริษัทขาดทุนจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 238 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรปกติ 185 ล้านบาท
ผ่านช่วงที่แย่สุดไปแล้ว คาดปี 2565/66 ฟื้นตัว
เราคาดรายได้ปี 2565/66 ที่ 5,493 ล้านบาท +25% YoY โดยมีปัจจัยบวกสำคัญจาก 1) การฟื้นตัวของ อุตสาหกรรมนอกบ้าน หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ที่คาดจะเริ่มบรรเทาความรุนแรงลง โดยรัฐบาลประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นในเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งจะหนุนให้ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ เดินทางไปทำกิจกรรมข้างนอกบ้าน และกลับเข้าทำงานตามอาคารออฟฟิสสำนักงานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทาง VGI คาดยอดผู้โดยสาร BTS จะปรับเพิ่มเป็น 5 แสนคน/วัน หรือ 80% ของช่วงก่อน COVID-19 และ Occupancy rate ของ OOH media ที่ 50-55% 2) ในปี 2565/66 จะมีการรับรู้รายได้เต็มปีจากบริษัท ใหม่ที่เข้าไปลงทุน อย่าง Fanslink อีกทั้งธุรกิจช่องทางดิจิทัล (Digital Services) ได้แก่ การให้สินเชื่อผ่าน Rabbit Cash และประกันของ Rabbit Care มีแนวโน้มของการเติบโตที่ดี โดย VGI คาดการเติบโตที่ 30-40% YoY และคิดเป็น 20-25% ของรายได้รวม เราประเมินผลประกอบการโดยรวมของ VGI ปี 2565/66 จะพลิกกลับมามีกำไรที่ 728 ล้านบาท และมี EBITDA margin ที่ 23%
คงคำแนะนำ “ซื้อ”
เราประเมินว่าผลประกอบการจะเริ่มฟื้นตัว และพลิกกลับมาเป็นบวกในปี 2565/66 หลังที่ผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ มีการออกจากบ้าน และมีการเดินทางไปทำกิจกรรมข้างนอก ในระยะยาวเรายังคงมองเป็นบวกจากรายได้ที่จะเติบโตตามการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าทั้งสายสีเหลืองและชมพู รวมถึงเส้นทางที่ BTS มีแผนจะเข้าร่วมประมูล คือ ที่เรายังไม่รวมในประมาณการ เราประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 6.70 บาท โดยอิงวิธี Sum of the parts (SOTP) โดยรวมมูลค่าของธุรกิจ VGI ที่ 3.80 บาทต่อหุ้น บริษัทร่วมตามสัดส่วนการลงทุน PLANB ที่ 0.63 บาทต่อหุ้น MACO ที่ 0.12 บาทต่อหุ้น KEX ที่ 0.98 บาทต่อหุ้น FANSLINK ที่ 0.04 บาทต่อหุ้น และ JMART ที่ 1.11 บาทต่อหุ้น








