บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +32.5%

Close May 9, 2022 Price (THB) 16.60

12M Target (THB) 22.00 

Previous Target (THB) 23.00

What’s new?

  • รายงานกําไรปกติ 1Q65 ที่ 1,826 ลบ. (-7.3%QoQ, -5.9%YoY) มากกว่าที่เราคาด 22.6% จากรายได้ที่เติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ และบริษัทรับรู้รายได้ทางภาษี 188 ลบ. เป็นผลจากการขาดทุนของธุรกิจในสหรัฐฯ และจาก Red Lobster
  • คาดแนวโน้ม 2Q65 เบื้องต้นทรงตัวถึงดีขึ้นเล็กน้อย QoQ จากการรับรู้การปรับราคาขายสินค้า Own-Branded ขึ้นราว 5-7% แต่จะยังลดลง YoY จากต้นทุนที่ยังเป็นปัจจัยกดดันหลัก

Our view

  • เราได้ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2565 ลง 7.7% เป็น 7,250 ลบ. (-10.2%YoY) เพื่อสะท้อนปัจจัย กดดันด้านต้นทุน และปัญหาการขนส่งทางเรือที่ทรงตัวสูงนานกว่าคาด
  • ผลของการปรับประมาณการลง ทำให้เราได้ราคาเป้าหมายใหม่ของ TU อิงวิธี SOTP ที่ 22.00 บาท มี Upside gain 32.5% และราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER65 ต่ำเพียง 10.9 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 14-16 เท่า สะท้อนว่าราคาหุ้นตอบรับกับปัจจัยลบไปมากแล้ว มองเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนอีกครั้ง

THAI UNION ถึงเวลาทยอยเข้าสะสมอีกครั้ง

กำไร 1Q65 ดีกว่าที่เราและตลาดคาด

บริษัทรายงานกำไรปกติ 1Q65 ที่ 1,826 ลบ. (-7.3%QoQ, -5.9%YoY) ดีกว่าที่เราคาดที่ 1,489 ลบ. แม้ รายได้จะเติบโตได้จากทุกกลุ่มธุรกิจอยู่ที่ 3.63 หมื่นลบ. ลดลง 5.8%QoQ เติบโต 16.5% YoY แต่จากผลกระทบของต้นทุนพลังงานและค่าขนส่งที่สูงขึ้น ทำให้ GPM ใน 1Q65 ปรับลดลงเป็น 17.5% จาก 18.2% ใน 4Q64 และ 17.7% ใน 1Q65 ส่วน SG&A ต่อยอดขายรวมยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 12.9% จากค่าขนส่งทางเรือที่ทรงตัวสูง ขณะที่ส่วนแบ่งผลประกอบกับการจากบริษัทร่วมรับรู้เป็นขาดทุนที่ 177 ลบ. ขาดทุนเพิ่มขึ้น 10.0% QoQ และ 462.7%YoY สาเหตุหลักจากการรับรู้ขาดทุนของ Red Lobster ที่ 243 ลบ. พลิกจากมีกำไร 81 ลบ. ในปี 1Q64 ซึ่งได้รับผลกระทบหนักจากการระบาดของ Omicron ในสหรัฐฯช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. และต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น นอกจากนี้บริษัทรับรู้รายได้ทางภาษี 188 ลบ. เป็นผลจากการขาดทุนของ Red Lobster และกิจการ Frozen บางส่วนในสหรัฐฯ

แนวโน้ม 2Q65 ดีขึ้น QoQ … ปรับประมาณการลงสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้น

เราคาดแนวโน้มกำไร 2Q65 เบื้องต้นทรงตัวถึงดีขึ้นเล็กน้อย QoQ จากการรับรู้การปรับขึ้นราคาขายของสินค้า Own-Branded ราว 5-7% และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเป็นปัจจัยหนุน แต่มองว่ากำไรจะยังลดลง YoY จากแนวโน้มต้นทุนที่ยังทรงตัวระดับสูง และการปรับราคาขายขึ้นจะไม่สามารถครอบคลุมต้นทุนที่สูงขึ้นได้ทั้งหมด โดยราคาปลาทูน่า (คิดเป็นสัดส่วนราว 25-30% ของต้นทุนขาย) เดือน เม.ย. อยู่ที่ราว 1,800 USD/ตัน ปรับลงเล็กน้อย 5.3% MoM แต่ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ย 1Q65 ที่ 1,717 USD/ตัน โดยเราประเมินว่าราคาปลาทูน่าจะยังทรงตัวระดับสูงใน 2Q65 ตามราคาพลังงานในตลาดโลกที่สูงขึ้น จากผลกระทบของความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน และจะทยอยปรับลงใน 2H65 เป็นต้นไป นอกจากนี้เริ่มเห็นการชะลอของราคาค่าขนส่งทางเรือในเดือน เม.ย. ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อแนวโน้มอัตราการทำกำไรของ TU ใน 2Q65

ทั้งนี้เราได้ปรับประมาณการรายได้ปี 2565 ขึ้น 4.8% เพื่อสะท้อนการปรับขึ้นราคาขายของบริษัท และด้วยแนวโน้มต้นทุนที่สูงขึ้นในทุกมิติ และปัญหาค่าขนส่งทางเรือที่ทรงตัวระดับสูงนานกว่าคาด จึงปรับประมาณการ SG&A ขึ้น 11.3% และปรับส่วนแบ่งขาดทุนจากธุรกิจ Red Lobster ขึ้นเป็น 650 ลบ. จากเดิมที่ 400 ลบ. ส่งผลต่อประมาณการกำไรปกติปี 2565 ของเราปรับลง 7.7% อยู่ที่ 7,250 ลบ. ลดลง 10.2%YoY

ปรับราคาเป้าหมายลง แต่ราคาที่อ่อนตัวเป็นโอกาสเข้าสะสม คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ผลของการปรับประมาณการลง และอิงวิธีการประเมินมูลค่าแบบ SOTP แยกระหว่างธุรกิจหลักที่เป็นอาหารทะเล และธุรกิจ PetCare&Value-added ทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 22.00 บาท เทียบเท่า PER65 ที่ 14.5 เท่า มี Upside gain 32.5% โดยราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER65 ต่ำเพียง 10.9 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 14 – 16 เท่า จึงมองว่าราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนปัจจัยลบไปมากพอสมควรแล้ว เป็นโอกาสในการเข้าลงทุนอีกครั้ง คงคำแนะนำ “ซื้อ”

- Advertisement -