สรุปภาวะตลาด

วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นตลอดช่วงการซื้อ-ขาย โดยบวกถึง 30 จุด จากแรงซื้อในหุ้นขนาดใหญ่ เช่น หุ้นกลุ่มพลังงาน ค้าปลีก และไอซีที ดัชนีรีบาวด์หลังจากช่วงก่อนหน้าที่ปรับตัวลงมามาก โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก สภาพัฒน์ เผย GDP Q1/65 โต 2.2% (โตกว่าตลาดคาด) และจีนเตรียมคลายล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,614.49 จุด +30.11 จุด +1.90% มูลค่าการซื้อขาย 85,222 ลบ. ต่างชาติ +3,204.89 ลบ. TFEX +37,915 สัญญา ตราสารหน้ี +2,311.98 ลบ.

ปัจจัยบวก+

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 431.17 จุด +1.34% หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่ง และบริษัทจดทะเบียนรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

+ สหรัฐรายงานยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. +0.9%MoM สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์+8.2%YoY โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันและอาหารที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

+ เฟด รายงาน การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% เดือนมี.ค.

+ สหภาพยุโรป (EU) ระบุว่า บริษัทต่างๆ สามารถซื้อก๊าซของรัสเซียต่อไปได้ โดยไม่ละเมิดมาตรการคว่ำบาตร  เป็นการแสดงท่าทีที่อ่อนลงในการต่อต้านการใช้พลังงานของรัสเซียอันเป็นผลมาจากการรุกรานยูเครน

+ เซี่ยงไฮ้ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ติดต่อกันเป็นวันที่ 3 บรรลุเป้าหมายสำคัญที่กำหนดไว้เพื่อเป็นเกณฑ์สำหรับการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ที่บังคับใช้มานานกว่า 6 สัปดาห์แล้ว

+ ธปท.เปิดเผยว่าคุณภาพสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ 1Q65 ในภาพรวมทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน  เป็นผลจากการปรับโครงสร้างหนี้และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ โดยมียอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 5.31 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.93% ต่อสินเชื่อรวม ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อที่มีการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม หรือสเตรท 2 อยู่ที่ 6.09% ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ 6.39%

+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 5,633 ราย มีผู้เสียชีวิต 45 ราย รักษาหาย 8,042 ราย

ปัจจัยลบ –

– สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.8 ดอลลาร์ -1.6% ปิดที่ 112.40 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่าสหรัฐ เตรียมผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรบางส่วนแก่รัฐบาลเวเนซุเอลา ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่าอาจจะส่งผลให้มีน้ำมันเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น

– สหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านดิ่งลง 8 จุด สู่ระดับ 69 ในเดือนพ.ค. ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.2563 และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยมีสาเหตุจากการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง และต้นทุนในการก่อสร้าง

– ปธน.วลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียเปิดเผยว่า รัสเซียจะทําการตอบโต้ หากองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ทำการขยายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารในดินแดนของฟินแลนด์หรือสวีเดน

– สภาพัฒน์เปิดเผย GDP ใน 1Q65 ขยายตัว 2.2% โดยคาดการณ์ทั้งปี 65 ลดลงจากเดิม 3.5-4.5% เหลือ 2.5-3.5% มีค่ากลาง 3% หรือลดลงถึง 1% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งรัสเซียกับ ยูเครนทำให้ราคาพลังงานโลกสูงขึ้น

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีซื้อกลับในหุ้นที่ปรับตัวลงแรงก่อน หน้า ประกอบกับได้แรงหนุนจากจีนเตรียมคลายล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้ คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,630

กลยุทธ์การลงทุน

  • ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ชะลอตัวลง : AOT ERW CENTEL MINT AWC
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากอากาศร้อน SNC KOOL SAPPE ICHITACC
  • ตัวเลขส่งออกเดือนมี.ค.ขยายตัว+เงินบาทอ่อนค่า TWPC ASIAN XO SNC PIMO
  • MSCI ประกาศหุ้นเข้า/ออก มีผลวันที่ 31 พ.ค.
    • MSCI Global Standard Index : เข้า JMT ออก STGT
    • MSCI Global Small Cap: เข้า ASK BYD DITTO FORTH KEX PSG SABUY STGT, STARK VIBHA ออก EASTW JMT
  • อินเดียผู้ส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่ของโลก สั่งห้ามส่งออกข้าวสาลี TMILL

หุ้นรายงานพิเศษ

SMIT (ราคาเหมาะสม 6.20 บาท) “ยอดคำสั่งซื้อที่ฟื้นตัวเริ่มกลับสู่ระดับปกติ

  • บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงาน 1Q22 เท่ากับ 518.8 ล้านบาท ยังทรงตัวในระดับสูง QoQ และเพิ่มขึ้น +10.6%YoY เนื่องจากความต้องการสินค้าเกือบทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เริ่มกลับมาสู่ระดับปกติ ประกอบกับมีการปรับราคาขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล็ก ตามราคาตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้น ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 32.3% ลดลงจาก 33.7% ในไตรมาสก่อน และ 35.4% ใน 1Q21 จาก Stock สินค้าล็อตใหม่ที่มีต้นทุนสูงขึ้น อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นยังถือว่าทรงตัวในระดับสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยปกติของบริษัทที่ระดับ 30% ด้าน SG&A/Sales อยู่ที่ระดับ 17.9% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 17.5% ในไตรมาสก่อนตามค่าใช้จ่ายล่วงเวลาพนักงาน แต่ลดลงจาก 20.4% ใน 1Q21 จากการควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นบริษัทยังมีรายการขาดทุนการขายที่ดินสวนยางในจังหวัดปราจีนบุรีราว 4.7 ล้านบาท (เป็นค่าใช้จ่าย One-time) ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 62.3 ล้านบาท ลดลง -11.5%QoQ และ -5.7%YoY
  • ความเห็น : SMIT นับเป็นหุ้น High Dividend ที่ผลประกอบการยังเติบโตได้ดี เราคงคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ประเมินราคาเหมาะสมปี 22 อิงค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 5 ปี ที่ 12.4 เท่า ได้เท่ากับ 6.20 บาท พร้อมคาดหวัง Dividend Yield ราว 5%-7% ต่อปี

*เราคาดว่าผลประกอบการปี 22 ยังเติบโตได้ดี จากยอดคําสั่งซื้อกลับมาสู่ระดับปกติได้อีกครั้ง ประกอบกับได้รับอานิสงส์จากการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ในหลายประเทศ ส่งผลให้คู่ค้าต่างประเทศสามารถเดินทางมาติดต่อธุรกิจได้สะดวกขึ้น ขณะที่การจัดงานมหกรรมเครื่องจักรที่กลับมาจัดได้เป็นปกติ จะช่วยหนุนให้ยอดขายเติบโต อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะกลับมาสู่ระดับ 32.0% จาก 34.1% ในปี 21 จากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้น และปีก่อนได้รับอานิ่งสงส์จาก Stock สินค้าเหล็กราคาต่ำ เราประมาณการกำไรสุทธิปี 22 ที่ 263.9 ล้านบาท -9.2%YoY

หุ้นมีข่าว

(+) IVL (Bloomberg Consensus 60.00 บาท) คำรามรายได้ 6 แสนล้านบาทปีนี้ น้ำมันดิบหนุนสเปรดธุรกิจ IOD ขณะความต้องการ PET ยังคงสูง ลั่น! ไตรมาส 2/2565 รับรู้อีบิทด้าโครงการ Oxiteno กว่า 50-60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พุ่งเป้าธุรกิจรีไซเคิล และแพ็กเกจจิ้งต่อเนื่อง เป้าลดปล่อยคาร์บอนลง 30% ภายในปี 2573 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) CHAYO (Bloomberg Consensus 17.25 บาท) มั่นใจผลงานปี 2565 รายได้โตกว่า 25% คาดจะใช้เงินลงทุนในการซื้อหนี้มาบริหารเพิ่มอีกประมาณ 3,000 ล้านบาท อวดผลงาน 4 เดือนแรก ซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเติมพอร์ตเพิ่มกว่า 500 ล้านบาท เหลือ TOR อีกกว่า 30,000 ล้านบาท คาดหวังซื้อหนี้ทั้งปีมาบริหารเพิ่มไม่ต่ำกว่า 10,000-15,000 ล้านบาท ล่าสุดการร่วมมือสถาบันใหญ่รายใหม่มีการเจรจาอย่างต่อเนื่อง คาดจัดโครงสร้างแล้วเสร็จพร้อมตั้ง AMC ภายในครึ่งปีหลังนี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BBIK (Bloomberg Consensus 73.82 บาท) โชว์แบ็กล็อกนิวไฮที่ 458 ล้านบาท จ่อเซ็นสัญญางานใหม่อีกเพียบ เชื่อหนุนผลงานปีนี้เกินเป้าหลังร่วมทุน “ออร์บิท ดิจิทัล” คาดรับทรัพย์ปีนี้ 150 ล้านบาท แถม BOI กดต้นทุนลด เล็งส่งโปรดักต์ใหม่ลงตลาดไตรมาส 2 นี้ อวดงบไตรมาส 1/2565 ทำสถิติสูงสุดทั้งรายได้และกำไร (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) III (Bloomberg Consensus 19.00 บาท) จับมือพันธมิตรสปป.ลาว ลุยขนส่งทางรางระหว่างประเทศ ตั้งเป้าปี 2566 รับรู้รายได้ธุรกิจขนส่งทางรางประมาณ 300-400 ล้านบาท มองภาพรวมการขนส่งความต้องการยังสูงทั้งทางอากาศและเรือ หลังหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการปิดประเทศ หนุนผลงานครึ่งปีหลังโดดเด่น (ที่มา ข่าวหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

  • 18 พ.ค. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
  • สัปดาห์ที่ 4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการ ส่งออก-นําเข้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
  • 31 พ.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

  • 18 พ.ค. อียู รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย.

สหรัฐ รายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จ ากสํานักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

  • 19 พ.ค. สหรัฐ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตเดือนพ.ค.จาก เฟดฟิลาเดลเฟีย ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย. จากคอนเฟอเรนซ์บอร์ด
  • 20 พ.ค. ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราดอกเบี้ย เงินกู้ LPR

อียู เปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ค.

- Advertisement -