Daily Focus: Value and Selective Play
2022 SET Target: 1770
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวขึ้นได้ต่อเนื่องตามบรรยากาศการลงทุนต่างประเทศที่ค่อนข้างผ่อนคลาย และปิดบวกอีก 5.84 จุด อย่างไรก็ตาม Upside เริ่มจำกัดมากขึ้น และยังไม่สามารถทะลุเหนือกรอบแนวด้านหลักที่ 1,620-1,630 จุด สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นอีก 844 ลบ.และ 3.5 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติยัง Long SET50 Index Futures อีก 1.3 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะปรับตัวลงทดสอบ 1,590-1,600 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบรุนแรง และเม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าถือพันธบัตรมากขึ้น หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลงอย่างรุนแรง ผลประกอบการของกลุ่มค้าปลีกสหรัฐฯ เริ่มเห็นผลกระทบชัดเจนจากเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น และส่งผลต่อผลประกอบการ ทำให้นักลงทุนกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในอนาคต ขณะที่ FED เน้นย้ำเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ต่อเนื่อง ซึ่งเข้าข่าย Stagflation ขณะที่เศรษฐกิจไทย เชื่อว่าจะเห็นผลกระทบบางส่วนชัดขึ้นใน 2Q22 เช่นกันจากราคาน้ำมันที่แพง อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกระยะยาวช่วยชดเชยได้บ้าง จากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบใน 2H22 หนุนการท่องเที่ยวฟื้น กลยุทธ์เรายังคงเน้นลงทุนหุ้น Value Play ที่มี PER/PBV ต่ำ และมีแนวโน้มกําไร 2Q22 ที่แข็งแรงต่อเนื่อง ซึ่งคาดปรับตัวได้แข็งแกร่งกว่าตลาด สำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาวยังไม่แนะนำเพิ่มพอร์ตหลังให้สะสมไปแล้วบริเวณ 1,600+- จุด
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value Play ที่แนวโน้มกําไร 2Q22-2H22 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : GFPT, ILINK, SAPPE, SMT, TH
หุ้นเด่นวันนี้ : CK
- แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 26 บาท
- แนวโน้มกำไร 2Q22 คาดเร่งตัวขึ้น ทั้งจากธุรกิจรับเหมาฯ ตามความคืบหน้าของงาน ขณะที่บริษัทลูกอย่าง BEM ฟื้นตัวตามการ Reopening และ CKP เร่งขึ้นตามปริมาณน้ำ นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากปันผลจาก TTW
- เรามองราคาหุ้น CK ถูกเกินไปมาก ปัจจุบันมีมูลค่าเท่ากับ BEM ที่ CK ถือหุ้นอยู่ราว 32% (Discount 20%) ซึ่งเสมือนได้ธุรกิจอื่นๆ ทั้งรับเหมาฯ CKP และ TTW ฟรี
- แนวรับ 19 บาท แนวต้าน 19.80//20.30 บาท
Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคอีก US$608 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$282 ล้านและ US$231 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนยังผสมผสาน แต่ไหลเข้าไทยหนาแน่นสุด US$101 ล้าน อย่างไรก็ตาม เราคาดกระแสเงินทุนจะพลิกมาไหลออก หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงหนักจากผลประกอบการกลุ่มค้าปลีกที่เริ่มเห็นผลกระทบจากเงินเฟ้อที่สูง
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) TVO แนวโน้มกำไร 2Q22 มีโอกาสโตทั้ง Q-Q และ Y-Y จากราคาน้ำมันถั่วเหลืองยังปรับขึ้นต่อเนื่อง แนะแนวโน้มราคาถั่วเหลือง 1-3 เดือนข้างหน้ายังทรงตัวสูงจากสต๊อกถั่วเหลืองที่ต่ำ และผลกระทบจาก La Nina รวมถึงผลผลิตปาล์มที่ตึงตัว เราคาดกําไรปีนี้ -4% Y-Y แต่เริ่มเห็น Upside ราคาเป้าหมายปัจจุบันอยู่ที่ 34 บาท แนะนำ “เก็ง กำไร”
(+) SC Presale เดือน เม.ย. +68% Y-Y จากฐานต่ำและสูงขึ้นจากค่าเฉลี่ยใน 1Q22 จากการเปิดโครงการแนวราบใหม่ โมเมนตัมเดือนถัดๆ ไปคาดดีต่อเนื่อง จากแผนเปิดโครงการใหม่ที่เร่งตัว คาดกำไรไต่ระดับขึ้นตั้งแต่ 2Q22 ต่อเนื่องในทุกไตรมาส และทําจุดสูงสุดของปีใน 4Q22 ยังคงราคาเป้าหมาย 4.60 บาท แนะนํา “ซื้อ”
(+) JMT กำไร 1Q22 สะดุดชั่วคราว จากการเคลมประกันโควิด ส่วนธุรกิจ AMC ยังแข็งแรง เราคาดกำไร 2Q22 กลับมาฟื้นตัวดีทั้ง Q-Q และ Y-Y จากการเก็บเงินที่แข็งแก่รง และการเคลมประกันโควิดที่จะลดลง คาดกําไรปี 2022 +28% Y-Y และเร่งขึ้น +43% Y-Y ในปี 2023 คงราคาเป้าหมาย 80 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)
(+) CENTEL การประชุมนักวิเคราะห์วานนี้โทรค่อนไปในทางบวก คาดเห็นการฟื้นตัวของทั้งธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด Occ Rate เดือน เม.ย. อยู่ที่ 50% เทียบกับ 26% ใน 1Q22 ส่วน SSSG โตมากกว่า +20% และคาดยังดีต่อในเดือน พ.ค. ระยะยาวคาดได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะการ เปิดประเทศเต็มรูปแบบใน 2H22 ยังคงราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 49 บาท แนะนํา “ซื้อ” (Source: FSSIA)
(+) PTG กำไร 1Q22 เริ่มฟื้นตัวจากขาดทุนใน 4Q21 ตามการ Reopening แต่ยังมีแรงกดดันจากการตรึงราคาดีเซลของภาครัฐ เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 2Q22 จะทยอยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจ Oil ตามค่าการตลาดที่ฟื้นตัว และ Non-Oil ที่ฟื้นตามเศรษฐกิจหลังโควิด คาดกำไรปีนี้ +77% Y-Y ราคาปัจจุบันเทรด PER เพียง 14 เท่า คงราคาเป้าหมาย 18.30 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)
(-) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 31,490.07 จุด ลดลง 1,164.52 จุด หรือ 3.57% จากความกังวลว่าภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐเริ่มส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทค้าปลีก รวมถึงนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ยืนยันว่าเฟดไม่ ลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดเท่าที่จําเป็นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ หลักๆ จากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
(-) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับลง ตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ จากความกังวลเงินเฟ้อในสหรัฐกระทบเศรษฐกิจชะลอตัว
(0) ค่าเงินบาท แกว่งในกรอบแคบ อยู่ที่บริเวณ 34.62 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 2.82 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 109.11 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่าโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐเร่งเพิ่มการผลิต เพื่อรับมือกับสต็อกที่ลดลงอย่างมาก
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 3 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ 1,815.9 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,049.21 / +-









