บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action TRADING (Maintain)
TP upside (downside) +8.7%
Close May 18, 2022 Price (THB) 16.10
12M Target (THB) 17.50
Previous Target (THB) 19.00
What’s new?
- ปรับสมมติฐานราคาถ่านหินจีนขึ้นเป็น 950 หยวน/ตัน จาก 850 หยวน/ตัน เพื่อสะท้อนสถานการณ์ราคาถ่านหินจีนที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ประมาณการปี 2565 ลดลงเป็น 2,608 ล้านบาท (+4% YoY)
- คาดกำไรปกติ 2Q65 ยังไม่ฟื้นตัวเนื่องจาก 1) รายได้จากโรงไฟฟ้า Temple I ลดลงจากการออกจากช่วงหน้าหนาว และ 2) ส่วนแบ่งกำไรที่ลดลงของโรงไฟฟ้า Nakoso เพราะมีการปิดซ่อมราว 1 เดือน และไม่มีการรับรู้เงินอุดหนุนจากรัฐบาลใน 2Q65 (รับรู้ใน 1Q ของทุกปี)
Our view
- คาดกำไรปกติจะกลับมาเติบโตในช่วง 2H65 โดยเฉพาะใน 3Q65 ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง QoQ และ YoY เนื่องจากไม่มีการปิดซ่อมของโรงไฟฟ้าที่เป็นแหล่งรายได้หลัก และเป็นช่วง High Season ของโรงไฟฟ้า Temple I ประกอบกับเป็นการเติบโตจากฐานที่ต่ำในปีก่อน
- ผลจากการปรับประมาณการส่งผลให้ราคาเหมาะสมลดลงเป็น 17.50 บาท/หุ้น เหลือ Upside เพียง 8.7% และในระยะสั้นราคาหุ้นมีโอกาสถูกกดดันจากกำไรปกติที่ยังไม่ฟื้นตัว จึงคงคําแนะนํา “Trading”
BANPU POWER PLC ราคาถ่านหินจีนยังสูง…ระยะสั้นไม่น่าสนใจ
ปรับประมาณการปี 2565 ลงจากถ่านหินที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง
ราคาถ่านหินจีนยังคงเป็นปัจจัยกดดันผลประกอบการของ BPP อย่างต่อเนื่อง โดยใน 1Q65 ราคาถ่านหิน เฉลี่ยอยู่ที่ราว 1,096 หยวน/ตัน แม้รัฐบาลจีนจะมีการประกาศใช้มาตรการเพิ่มปริมาณถ่านหินในประเทศ ทั้งการเปิดเหมืองเพิ่ม และลดภาษีนำเข้าถ่านหินเหลือ 0% แต่คาดจะยังไม่สามารถทำให้ราคาเฉลี่ยปี 2565 ของถ่านหินจีนลดลงมาอยู่ในระดับ 700-850 หยวน/ตันได้ เราจึงปรับสมมติฐานราคาถ่านหินจีนปี 2565 ขึ้นจาก 850 หยวน/ตันเป็น 950 หยวน/ตัน เพื่อสะท้อนผลกระทบจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้น และแม้รัฐบาลจีนมีการเปิดตัวแพลตฟอร์ม Power Trading ที่ทำให้โรงไฟฟ้าต่างๆ สามารถขายไฟฟ้าให้กับเอกชน ได้ในราคาที่สูงกว่า PPA ไม่เกิน 20% แต่จะยังไม่สามารถชดเชยผลกระทบจากราคาถ่านหินที่สูงขึ้นได้ทั้งหมด ส่งผลให้ประมาณการปี 2565 ของเราลดลง 35% มาอยู่ที่ 2,608 ล้านบาท โดยยังคงสามารถเติบโตได้เล็กน้อย +4% YoY จากการรับรู้รายได้ของโรงไฟฟ้า Temple I และ Nakoso แบบเต็มปี
คาดกำไรปกติเริ่มฟื้นตัวในช่วง 2H65
คาดกำไรปกติ 2Q65 ยังไม่ฟื้นตัวแม้โรงไฟฟ้าหงสา และ BLCP กลับมาดำเนินงานแบบเต็มประสิทธิภาพ หลังปิดซ่อมบำรุงบางส่วนใน 1Q65 เนื่องจาก 1) เป็นช่วง Low Season ของโรงไฟฟ้า CHP ในจีนจึง ส่งผลให้รายได้จากการขายไฟฟ้าและไอน้ำลดลง 2) การออกจากช่วงหน้าหนาวของสหรัฐฯ ส่งผลให้ปริมาณขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า Temple ลดลง QoQ และ 3) ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Nakoso ที่ลดลง QoQ จากการปิดซ่อมบำรุงราว 1 เดือน และไม่มีการรับรู้เงินอุดหนุนรายปีจากรัฐบาลราว 150 ล้านบาท (รับรู้ 1 ครั้ง/ปี ในไตรมาส 1) อย่างไรก็ตาม คาดผลประกอบการจะกลับมาเติบโตสูง QoQ และ YoY ในช่วง 3Q65 จาก 1) ไม่มีการปิดซ่อมโรงไฟฟ้าที่เป็นแหล่งรายได้หลักเช่น โรงไฟฟ้าหงสา, โรงไฟฟ้า Nakoso และโรงไฟฟ้า Temple I และ 2) การเข้าสู่ช่วง High Season ของโรงไฟฟ้า Temple ซึ่งจะส่งผลให้รายได้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ QoQ โดยบริษัทฯ ให้ Guidance ว่ารายได้ในช่วง 30 ของ Temple จะคิดเป็นสัดส่วนราว 80% ของรายได้จาก Temple ทั้งปี เนื่องจากเป็นช่วงที่มีอุปสงค์การใช้ไฟฟ้าในตลาด ERCOT สูง ขณะที่กำไรปกติ 4Q65 มีแนวโน้มลดลงจาก 3Q65 แต่จะยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า 1Q65 และ 2Q65 จากการเข้าสู่ช่วงหน้าหนาวของจีน และอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น (ตามราคาถ่านหินที่ปรับตัวลง
ปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 17.50 บาท/หุ้น
ผลจากการปรับประมาณการส่งผลให้ราคาเหมาะสมลดลงเป็น 17.50 บาท/หุ้น ณ สิ้นปี 2565 (อิง DCF) มี Upside 8.7% ทั้งนี้เรามองว่าการลงทุนใน BPP จะยังไม่น่าสนใจในระยะสั้น เนื่องจากกำไรปกติยังคงถูกกดดันจากราคาถ่านหินที่อยู่สูง จึงคงคำแนะนำ “Trading” อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวบริษัทฯ อาจเป็นหนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์จากแผน PDP8 ของเวียดนาม เนื่องจากมีโอกาสสูงที่แผนดังกล่าวจะมีการสนับสนุนการเพิ่มกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะ Solar Rooftop ซึ่ง BPP ได้มีการเข้าไปลงทุนในบริษัท Solar ESCO ซึ่งทำธุรกิจ Solar Rooftop อยู่ในเวียดนาม คาดแผน PDP8 ของเวียดนามจะมีความชัดเจนภายใน 1-2 เดือนนี้








