บล.พาย:
BJC: ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่มีส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น
ให้น้ำหนักเป็นบวกเล็กน้อยต่อการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 18 พ.ค. แต่ด้วยผลการดำเนินงานระยะสั้นที่อ่อนแอ จากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น รวมถึงกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง และ upside ที่จำกัดต่อมูลค่าพื้นฐาน จึงปรับลดคำแนะนำจากซื้อเป็น “ถือ” มูลค่าพื้นฐาน 40.0 บาท อิง 30xPE’22E หรือใกล้เคียงค่าเฉลี่ยกลุ่มพาณิชย์ไทย
- เมื่ออิงจากเป้าหมายของผู้บริหารก็คาดได้ว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะลดลง 50bps YoY ใน 2022 จากต้นทุนพลังงาน และวัตถุดิบที่สูงขึ้นในธุรกิจบรรจุภัณฑ์และสินค้าอุปโภคบริโภค ส่วน GPM ในธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่จะปรับดีขึ้น YoY หนุนจากส่วนผสมยอดขายและการบริหารคลังสินค้าที่ดีขึ้น ขณะที่รายได้จากทุกหน่วยธุรกิจจะฟื้นตัวในปี 2022
- มีมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมผลการดำเนินงานในระยะกลางถึงยาว ด้วยแรงงขับเคลื่อนจากผลงานในธุรกิจค้า ปลีกสมัยใหม่ที่ปรับดีขึ้น (BigC) ส่วนแบ่งตลาดในขณะนี้ของ BigC อยู่ที่ 21% (+1%-2% YoY) โดยคาดว่าจะชิงส่วนแบ่งตลาดได้ต่อเนื่อง เพราะ 1) มีการปรับปรุงร้าน 2) เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าร้าน 3) รีแบรนด์กลุ่มอาหารสด เป็น “We are fresh” และ 4) การเพิ่มยอดขายสินค้าแบรนด์บริษัทอย่าง “Besico
อัตรากำไรที่อ่อนแอจะกดดันผลการดำเนินงานระยะสั้น
- เมื่ออิงจากเป้าหมายของผู้บริหารก็คาดได้ว่า GPM จะลดลง 50bps YoY ใน 2022 จากต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบที่สูงขึ้นในธุรกิจบรรจุภัณฑ์และสินค้าอุปโภคบริโภค ส่วน GPM ในธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่จะปรับดีขึ้น YoY หนุนจากส่วนผสมยอดขายและการบริหารคลังสินค้าที่ดีขึ้น ขณะที่รายได้จากทุกหน่วยธุรกิจจะฟื้นตัวในปี 2022
ระยะยาวมีภาพรวมการเติบโตที่สดใส
- มีมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมผลการดำเนินงานในระยะกลางถึงยาว ด้วยแรงงขับเคลื่อนจากผลงานในธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ที่ปรับดีขึ้น (BigC)
- ส่วนแบ่งตลาดในขณะนี้ของ BigC อยู่ที่ 21% (+1%-2% YoY) โดยคาดว่าจะชิงส่วนแบ่งตลาดได้ต่อเนื่องเพราะ 1) มีการปรับปรุงร้าน 2) เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าร้าน 3) รีแบรนด์กลุ่มอาหารสดเป็น “We are fresh” และ 4) การเพิ่มยอดขายสินค้าแบรนด์บริษัท อย่าง “Besico”
มีพื้นที่มากมายให้ BigC ได้เติบโต
- รายได้รายไตรมาสต่อสาขาของธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ต BigC อยู่ที่ 85 ล้านบาทใน 1Q22 ลดลงจาก 90 ล้านบาทใน 1Q21 และ 136 ล้านบาทใน 4Q19
- เชื่อว่าพัฒนาการใหม่ๆ ดังที่กล่าวข้างต้นจะช่วยยกระดับผลการดำเนินงานของธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในระยะยาวขึ้นได้
สรุปผลประกอบการ
- กำไรสุทธิ 1Q22 อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท (+23%YoY, -10%QoQ) สอดคล้องคาดการณ์ และคิดเป็น 23% ของประมาณการทั้งปี 2022
- ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่มีกำไรแข็งแกร่งจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ 2.9%YoY ซึ่งมาจากร้านค้ารูปแบบ BigC ที่มีการเติบโตในกรอบบนของหลักหน่วย บวกกับอัตรากำไรที่ปรับดีขึ้นจากการบริหารจัดการคลังสินค้าที่ดีขึ้น (ยอดขาย +7%YoY กำไรสุทธิ +14%YoY)
- ธุรกิจบรรจุภัณฑ์มีกำไรที่แข็งแกร่งจากยอดขายที่โตขึ้นทั้งในไทยและเวียดนาม พร้อมกับ GPM ที่ทรงตัว YoY (ยอดขาย +28%YoY กำไรสุทธิ +20%YoY)
- ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคมีกำไรหดตัวลงจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าวและเยื่อกระดาษ (ยอดขาย +4%YoY กำไรสุทธิ -18%YoY)
- ธุรกิจการแพทย์และเทคนิคมีกำไรโตขึ้นจากรายได้ที่สูงขึ้น (ยอดขาย +6%YoY กำไรสุทธิ +3%YoY)
Revenue breakdown
ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่คิดเป็นรายได้ประมาณ 64% ของรายได้รวม ประกอบด้วย ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และร้านขายยา รวมถึงพื้นที่เช่าภายใต้แบรนด์ Big-C
บริษัทยังผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ ในอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไปจนถึงผู้ผลิตเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ รวมถึงบรรจุภัณฑ์แก้ว กระป๋องอลูมิเนียม และบรรจุภัณฑ์พลาสติกแข็ง ซึ่งรายได้ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์คิดเป็น 14% ของรายได้รวม
นอกจากนี้ BJC ยังมีโรงงานผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ขนม สบู่ ยาสระผม ขนม โยเกิร์ตผลิตภัณฑ์ นม และกระดาษอนามัย คิดเป็น 16% ของยอดขายรวม
กลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และเทคนิค อุปกรณ์ทางการแพทย์และยา เช่น เวชสำอาง, ยาและอาหารเสริม คิดเป็น 6% ของรายได้รวม







