บล.พาย:
RJH: ภาพรวมถูกฉุดลงจากเคสโควิดที่ลดลง
คงคำแนะนำ “ถือ” มูลค่าพื้นฐาน 33.50 บาทถึง 19.7xPE’23E หลังปรับฐานประมาณการ หรือใกล้เคียงค่าเฉลี่ย 5 ปี
- คาดกำไรจะลดลง QoQ ใน 2Q22 เพราะ 1) เคสผู้ติดเชื้อที่น้อยลง ซึ่งจะไปกดดันรายได้เคสโควิด-19 และ 2) การยกเลิกเงื่อนไขการตรวจ RT-PCR
- คาดกำไรลดลง HoH ใน 2H22 จากฐานสูง รวมถึงรายได้เคสโควิด-19 ที่ลดลง YoY จากคาดการณ์ว่ารัฐบาลไทยจะประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นในเดือน ก.ค.
- ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี FY2022E ขึ้น 54% เพื่อสะท้อนถึงส่วนแบ่งจากเคสโควิด-19 ที่ดีกว่าคาด ขณะที่ปรับลดกําไรปี FY2023-24 ลง 9%/12%
- หากไม่รวมรายได้เคสโควิด-19 ก็คาดว่ากำไรปี 2022-23 จะโตขึ้น 28 % จากฐานในปี 2019 ก่อนที่จะเกิดวิกฤติโควิด-19 สะท้อนมุมมองที่เชื่อว่าแรงขับเคลื่อนจากกิจการหลักจะยังคงดำรงอยู่ตามเดิม
แม้กำไรปี FY2022E จะถูกกดดันโดยส่วนแบ่งจากเคสโควิด-19 ที่ลดลง แต่ยังเชื่อว่าอัตราผลตอบแทนระดับ 7% และราคาหุ้นที่น่าดึงดูดเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มการแพทย์ในไทย รวมถึงกิจการหลักที่โตอย่างมั่นคง ต่างจะยังคงเป็นปัจจัยบวกสำคัญต่อหุ้นได้
คาดส่วนแบ่งจากเคสโควิดข19 จะกลับสู่ระดับปกติตั้งแต่ 2Q22 เป็นต้นไป
- คาดกำไรลดลง QoQ ใน 2Q22 จากยอดเคสผู้ติดเชื้อที่ลดลง และการยกเลิกเงื่อนไขการตรวจ RT-PCR สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยคาดว่าส่วนแบ่งจากเคสโควิด-19 จะกลับสู่ระดับปกติตั้งแต่ 2Q22 เป็นต้นไป จากการยกเลิกเงื่อนไขการตรวจ RT-PCR ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. รวมถึงยอดผู้ติดเชื้อที่ลดลง และการที่ผู้ติดเชื้อที่มีอาการปานกลางถูกนับว่าเป็นอาการไม่รุนแรง และยินยอมที่จะกักตัวอยู่บ้านแทนการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
- คาดกำไรลดลง HoH ใน 2H22 จากฐานสูงใน 2H21 จากคาดการณ์ว่ารัฐบาลไทยจะประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นในเดือนก.ค.
เป้าหมายผู้บริหาร
- บริการหลักยังมีภาพรวมทรงตัว YoY ใน 2022 QTD เมื่ออิงจากตัวเลขแนวทางจากผู้บริหารพบว่าภาพรวมกลุ่มผู้ป่วยนอก (OPD) ยังทรงตัว YoY ขณะที่ผู้ป่วยใน (IPD) มีแนวโน้มโตขึ้น YoY แม้ปรับลดลงไปในเดือน เม.ย. ขณะที่เราคาดว่าบริการหลักจะฟื้นตัวขึ้นหลังโควิด-19 ด้วยอุปสงค์ที่สะสมจากช่วงก่อนที่จะไหลสู่บริการหลักเพราะการเลื่อนนัดการรักษาก่อนหน้านี้
- คาดโรงพยาบาลหนองแคในสระบุรีจะเริ่มให้บริการในปี 2024 ส่วนโรงพยาบาลชลบุรีมีแผนเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2025 ซึ่งทั้ง 2 แห่งจะช่วยหนุนกลุ่มคนไข้เงินสดและประกันสังคมได้
- คาดทิศทางของกลุ่มประกันสังคม (25% ของยอดขายรวมใน FY2021) จะโตต่อเนื่องจากทำเลที่ตั้งบนจุดยุทธศาสตร์ในอยุธยา (ส่วนแบ่งตลาด 56%) โดยผู้บริหารยังยืนยันว่าการแข่งขันในพื้นที่นั้นไม่ได้สูงแต่อย่างไร
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2022 ขึ้น 54%
การปรับเพิ่มประมาณการครั้งนี้ก็เพื่อสะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งขึ้น โดยมีการปรับเพิ่มสมมติฐานรายได้ปี 2022 ขึ้น 29% เพื่อสะท้อนถึงส่วนแบ่งเคสโควิด-19 ที่แข็งแกร่งขึ้น สืบเนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นใน 1Q22 อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะโตขึ้น 5ppts หนุนจากบริการเกี่ยวกับโควิด-19
ขณะที่ปรับลดประมาณการกำไรปี FY2023-24 ลง 9%-12%
Revenue breakdown
รายได้หลักของ RJH มาจาก 1) กลุ่มคนไข้ทั่วไป และ 2) คนไข้ภายใต้ประกันสุขภาพที่คุ้มครองโดยรัฐ โดย สามารถแบ่งกลุ่มคนไข้ทั่วไปออกเป็นกลุ่มผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) ปัจจุบัน RJH มีห้องตรวจที่ รองรับกลุ่ม OPD ที่ต้องการเข้ารับคำปรึกษาทางการแพทย์และบริหารอื่นๆ อยู่ 74 ห้อง ซึ่งคิดเป็น 16% ของรายได้ทั้งหมด
ขณะที่กลุ่ม IPD จะครอบคลุมบริการทางการแพทย์สำหรับคนไข้ที่ต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งคิดเป็น 15% ของรายได้ทั้งหมด ปัจจุบัน RJH มีห้องรองรับกลุ่ม IPD หลากหลายประเภทรวมกัน 262 ห้อง เช่น ห้อง VIP ห้องเดี่ยว ห้องเดี่ยวพิเศษ ห้องรวม ห้อง ICU และห้องเด็กอ่อน
ทั้งยังให้บริการสำหรับคนไข้ที่ลงทะเบียนโครงการประกันสุขภาพกับรัฐบาล เช่น โครงการประกันสังคม ซึ่งคิดเป็น 25% ของรายได้ทั้งหมด
โดยในปี 2021 บริการตรวจหาเชื้อ COVID-19 คิดเป็น 43% ของรายได้ทั้งหมด







