BM ผลงานไตรมาส 1265 กำไรโต 29.5% ส่วนรายได้รวม 305.11 ล้านบาท ระบุจากยอดส่งออกต่างประเทศเพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย คาดทั้งปียังเติบโตต่อเนื่องจากการส่งออก หลังเปิดโรงงานใหม่ เขต Free Zone ผลิตสินค้าเพื่อส่งออกโดยเฉพาะ คาดเฟสแรกแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ปีนี้ พร้อทเริ่มดำเนินการผลิตได้ในช่วงปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4/65 นี้ ทั้งมีการก่อสร้างเฟสถัดไปต่อเนื่อง รองรับงานส่งออกที่มีแนวโน้มเข้ามามากขึ้น ด้านผลงานทั้งปีนี้ มั่นใจโตตามเป้าที่ 15-20% คิดเป็นรายได้ราว 1,400 ล้านบาท
นายธานิน สัจจะบริบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) หรือ BM เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/65 บริษัทมีรายได้รวม 305.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.57 ล้านบาท หรือ 8.37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 17.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.08 ล้านบาท หรือ 29.57% เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และการส่งออกต่างประเทศ จากการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นและเปิดรับออร์เดอร์ใหม่ๆ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย
ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร อยู่ที่ 28.48 ล้านบาท ลดลง 8.11 ล้านบาท หรือ 22.16% เนื่องจากในไตรมาส 1 ปีก่อนหน้า บริษัทมีการตั้งสำรองลูกหนี้ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 (TFRS9) ประกอบกับในปีนี้มีการบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงและส่งผลให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นในปี 2565
“ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/65 บริษัทมีการส่งออกเพิ่มมากขึ้น หลังจากปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์คลี่คลาย ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงการอ่อนค่าของเงินบาท ทำให้บริษัทได้รับประโยชน์ รวมถึงการวางยุทธศาสตร์และแผนขยายการลงทุนในครึ่งปีหลังอย่างต่อเนื่อง สามารถผลักดันให้ผลประกอบการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง”
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทยังคงเน้นการเติบโตจากการขยายงานส่งออกไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้ก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ ซึ่งได้รับอนุญาตเป็นเขตปลอดอากร (Free Zone-ฟรีโซน) เฟสแรก ใช้งบลงทุน 150-200 ล้านบาท บนเนื้อที่ 25 ไร่ ใจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อผลิตสินค้าส่งออกต่างประเทศทั้งหมด โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ปีนี้ และเริ่มดำเนินการผลิตได้ในช่วงปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4/65 นี้ และก่อสร้างเฟสถัดๆไปต่อเนื่อง เพื่อรองรับงานส่งออกที่มีแนวโน้มเข้ามามากขึ้น
ส่วนของการผลิต ประกอบ ติดตั้ง ซ่อมแซม บำรุงรักษา และจำหน่าย รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle -EV) รวมทั้งชิ้นส่วน EV Part ที่บริษัทรับจ้างผลิต ยังคงได้รับออร์เดอร์อย่างต่อเนื่อง และจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทมากขึ้น จากปัจจัยดังกล่าว คาดว่าจะช่วยหนุนให้รายได้ปีนี้ โต 15-20 % หรือมีรายได้ประมาณ 1,300-1,400 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้รวม 1,146.66 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
********









