Daily Focus: Value and Selective Play
2022 SET Target: 1770
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงตามคาดจากความกังวลเงินเฟ้อสหรัฐฯที่เริ่มกระทบต่อกำไรบริษัทจดทะเบียน โดยระหว่างวันดัชนีลงทดสอบใกล้ 1,590 จุด ก่อนที่จะมีแรงซื้อเข้ามาหนุนให้ดัชนีฟื้นตัวและปิดลบ 14.35 จุด ณ สิ้นวัน ยังยืนเหนือ 1,600 จุดได้ สถาบันในประเทศและนักลงทุนตางชาติพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 693 ลบ.และ 432 ลบ. ตามลำดับ แต่ถือว่าไม่มากเทียบกับที่ก่อนหน้า (ต่างชาติยัง Long SET50 Index Futures อีก 1.1 หมั่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways บริเวณ 1,600-1,610 จุด โดยกลุ่มพลังงานอาจหนุนตลาดได้บ้าง จากราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัว และข่าวโรงกลั่นในเกาหลีใต้ระเบิด อย่างไรก็ตาม ภาพรวมยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่ชัดเจนเข้ามากระตุ้น ตลาดยังคง Monitor ประเด็นเงินเฟ้อที่สูง และเริ่มกระทบกําไรบริษัทจดทะเบียนและเศรษฐกิจสหรัฐฯ และมีแนวโน้มเห็นผลในภูมิภาคยุโรปด้วยเช่นกัน ซึ่งเข้าข่ายภาวะ Stagflation และไม่เป็นผลดีต่อตลาดหุ้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยเชื่อว่าจะเห็นผลกระทบบางส่วนชัดขึ้นใน 2Q22 เช่นกัน จากราคาน้ำมันที่แพง และทําให้ภาครัฐจําเป็นต้องตรึงราคาดีเซลต่อไปถึงเดือน ก.ค. 22 อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกระยะยาวช่วยชดเชยได้บ้าง จากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบใน 2H22 หนุนจํานวนนักท่องเที่ยวฟื้น แต่จากนโยบายการเงินทั่วโลกที่ตึงตัว และสภาพคล่องที่จะทยอยลดลง กลยุทธ์เราจึงยังคงเน้นลงทุนหุ้น Value Play ที่มี PER/PBV และมีแนวโน้มกำไร 2Q22 ที่แข็งแรงต่อเนื่อง คาดปรับตัวได้แข็งแกร่งกว่าตลาด สําหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาวยังไม่แนะนําเพิ่มพอร์ต หลังให้สะสมไปแล้วบริเวณ 1,600+- จุด
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value Play ที่แนวโน้มกำไร 2Q22-2H22 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : GFPT, ILINK, SAPPE, SMT, TH
หุ้นเด่นวันนี้ : : SNC
- แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเบื้องต้น 25 บาท
- โมเมนตัมกำไร 2Q22 อาจอ่อนตัว Q-Q จากปัจจัยฤดูกาล โดยเฉพาะฝั่งลูกค้าชาวจีน แต่คาดยังเห็นการเติบโตที่โดดเด่น Y-Y จากจำนวนลูกค้า และคำสั่งผลิตเร่งตัวจากปีก่อน หนุนรายได้โตแกร่ง และได้อานิสงส์จาก Operating Leverage
- เบื้องต้นเรายังประเมินกำไรปี 2022 เติบโตราว 25-30% Y-Y ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PER ต่ำกว่า 10 เท่า และคาดให้ Dividend Yield ราว 5.5%
- แนวรับ 19.70 บาท แนวต้าน 20.60//21 บาท
Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาคตามคาด US$478 ล้าน นําโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$373 ล้าน และ US$63 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกทุกประเทศแต่ถือว่าไม่หนาแน่นนัก นําโดยไทยและอินโดนีเซียประเทศละ US$13-18 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนวันนี้คาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออกแต่บางลงจากวันก่อนหน้า
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) กลุ่มโรงกลั่น คาดมีข่าวบวกหลังโรงกลั่น S-Oil Onsan ในเกาหลีใต้ ซึ่งใหญ่อันดับ 6 ของโลกระเบิด และต้องหยุดซ่อมบำรุง คาดส่งผลกระทบต่อ Supply และทําให้หุ้นโรงกลั่นในไทยมีโอกาสปรับขึ้น แนะนำ “เก็งกําไร” เราชอบ BCP TOP ESSO SPRC
(+) MINT แนวโน้มผลการดำเนินงานฟื้นตัวต่อเนื่องใน 2Q22 จาก RevPar โรงแรมที่ดีขึ้น ทั้ง Occ Rate และ ADR โดยเฉพาะในยุโรปที่ฟื้นตัวเร็วกว่าภูมิภาคอื่นๆ ผู้บริหารคาดว่า RevPar รวมจะกลับมาเท่าช่วงก่อน COVID-19 ในช่วง 2H22 จากการ Maximize ADR ส่วนธุรกิจอาหารมี SSSG เป็นบวกต่อเนื่อง ด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นยังสามารถจัดการได้ ทั้งการปรับกระบวนการและขึ้นราคาบางส่วน แต่ให้น้ำหนักรายได้ที่ฟื้นตัวส่งผลบวกต่อ Margin มากกว่า ยังคงราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 45 บาท แนะนํา “ซื้อ” (Source: FSSIA)
(+) SAPPE โทนการประชุมเป็นบวกตั้งเป้ารายได้ 5 ปีทะลุ 1 หมื่นลบ. แนวโน้มกําไร 2Q22 3Q22 มีลุ้นทำ New High ต่อเนื่อง จากปัจจัยฤดูกาล ทั้งฤดูร้อน การออกสินค้าใหม่ รวมถึงการส่งออกที่ยังแข็งแกรง ส่วนด้านต้นทุนยังกระทบจํากัดจากการดุน Per Resin ถึงกลางปี และเน้นประสิทธิภาพการผลิต เราปรับกำไรปีนี้ขึ้นเป็น +25% Y-Y ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 38 บาท แนะนํา “ซื้อ”
(+) PLUS เข้าเทรดวันนี้ เป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมะพร้าวและน้ำนมมะพร้าว แนวโน้มการเติบโตจากการเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่เป็น Mega Trend ขณะที่ความเสี่ยงจากการขาดแคลนวัตถุดิบจํากัด เพราะโรงงานตั้งอยู่ในแหล่งวัตถุดิบ กำไร 4 ปีที่ผ่านมาเติบโตได้ดี แม้เผชิญการแพร่ระบาดของ COVID-19 และปัญหาขาดแคลนเรือตู้คอนเทนเนอร์ ขณะที่คาดปัญหาดังกล่าวทยอยคลี่คลายในปีนี้ จึงคาดกําไรปกติปี 2022 +49% Y-Y และคาดกําไร 3 ปี ข้างหน้าโต +13% CAGR ประเมินราคาเป้าหมายที่ 5.30 บาท (Finansia เป็นผู้จัดจําหน่าย)
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 236.94 จุด หรือ 0.75% ปิดที่ 31,253.13 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ และผลกระทบจากเฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงการปรับลงของหุ้น Cisco Systems หลังงบออกมาต่ำกว่า คาด
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากการปรับลงของหุ้นกลุ่มค้าปลีก-อาหาร เครื่องดื่ม หลังเปิดเผยผลประกอบการที่หดตัวของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับขึ้นเล็กน้อย จากการแรงซื้อหลังปรับลงในวันก่อนหน้า
(0) ค่าเงินบาท แกว่งในกรอบแคบ อยู่ที่บริเวณ 34.44 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 2.62 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 112.21 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์ที่ว่าอุปสงค์น้ำมันในจีนจะเริ่มฟื้นตัว หลังนครเซี่ยงไฮ้ยุติการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 25.3 ดอลลาร์ หรือ 1.39% ปิดที่ 1,841.2 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,056.18 / +6.97









