บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Ratch Group
(RATCH.BK/RATCH TB)* เดินหน้าไปตามคาด
Event
ประชุมนักวิเคราะห์ 1Q65 และมุมมองของเรา
Impact
คงเป้าระยะยาว และระยะสั้นเอาไว้เท่าเดิม
เรากลับออกจากการประชุมด้วยมุมมองกลางๆ เพราะไม่มีประเด็นอะไรที่จะสร้างความตื่นเต้นในตลาด และไม่มีประเด็นไหนที่แตกต่างไปจากความคาดหมายของเรา ผู้บริหารเน้นที่การอัพเดตข้อมูลโครงการ กลยุทธ์ กระบวนการเพิ่มทุน ประเด็น ESG และการอธิบายผลการดำเนินงานใน 1Q65 ทั้งนี้ RATCH ยังคงเป้าหมายระยะยาวเอาไว้เท่าเดิมที่ 10,000MWe (จากปัจจุบันที่ 9,219MWe) หรือคิดเป็นมูลค่ากิจการที่ 2 แสนล้านบาทในปี 2568 (จาก 1.32 แสนล้านบาท) ทั้งนี้ พอร์ตกำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัท แบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าแบบ conventional 85% และพลังงานหมุนเวียน (RE) 15% โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับแผนการซื้อกิจการอื่นใน 2H65 ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะเข้าลงทุนขยายกำลังการผลิต 700MWe ต่อปี (โครงการ conventional 75% และโครงการ RE 25%) โดยตั้งงบลงทุน (capex) ปี 2565 เอาไว้ที่ 3 หมื่นล้านบาท (ธุรกิจไฟฟ้า 93% และไม่ใช่ไฟฟ้า 7%) นอกจากนี้ บริษัทยังศึกษาโครงการเพิ่มอีกอย่างน้อยห้าโครงการ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทย ลาว เวียดนาม และออสเตรเลีย
ความคาดหวังหลังการเพิ่มทุน
หลังจากที่บริษัทตัดสินใจเพิ่มทุนเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม RATCH จะออกหุ้นใหม่ 725 ล้านหุ้น (+50%) โดยกำหนดราคาเสนอขายขั้นสุดท้าย (OP) ที่ 34.48 บาท/หุ้น และกำหนดสัดส่วนจองซื้อที่ 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ทั้งนี้ OP ที่ต่ำกว่าที่คาดไว้จะทำให้บริษัทต้องก่อหนี้เพิ่มในอนาคต หากต้องเข้าไปซื้อโครงการขนาดใหญ่ ทั้งนี้ ในส่วนของนโยบายเงินปันผล RATCH ยังคงรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลในระยะต่อไปเอาไว้ที่อย่างน้อย 2.50 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ประมาณ 6% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดในกลุ่ม ทั้งนี้ บริษัทยังคงสัดส่วน net D/E covenant เอาไว้เท่าเดิมที่ 1.3x
ประมาณการกำไรใน 2Q65 และปี 2565
โครงการต่างๆ ยังตามคาด ยกเว้นโครงการลม Ecowin (กำลังการผลิต 15MWe โดยเลื่อนกำหนด SCOD เป็น 3Q65 จากเดิม 2Q65) ซึ่งเราคนิดว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อประมาณการของเรา ทั้งนี้ เราคาดว่ากําไรสุทธิใน 2Q65F จะดีดตัวขึ้น QoQ เนื่องจากมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ เนื่องจากค่าเงิน JPY อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ USD และโครงการหงสากลับมาเดือนเครื่องผลิต ในขณะที่โรงไฟฟ้า IPPs เข้าสู่ช่วง high season และไม่มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเหมือนกับใน 1Q65 เรายังคงประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรจากธุรกิจหลักปีนี้เอาไว้ที่ 20% YoY เนื่องจากจะเป็นปีแรกที่รับรู้กำไรจากโครงการ Paiton กำลังการผลิต 931MWe (จาก 2H65) และโครงการอื่นๆ
Valuation & Action
เราคาดว่าราคาหุ้นจะอยู่ในช่วงแคบหลังจากที่ตอบรับปัจจัยลบไปพอสมควรแล้วจากการที่ MSCI Global Standard Index ลดน้ำหนักลงทุน (มีผลวันที่ 31 พฤษภาคม) และความคาดหมายว่า RATCH จะถูกถอนออกจากการคำนวณดัชนี SET50 ใน 2H65 เราคงคำแนะนำถือ และประเมินราคาเป้าหมาย DCF ที่ 42.00 บาท เรายังไม่เห็นปัจจัยกระตุ้นในระยะสั้น ยกเว้นอัตราผลตอบแทนที่สูงถึง 6.5% ต่อปี ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟ้า เราคิดว่านักลงทุนน่าจะยังรอดูสถานการณ์ไปจนกว่าบริษัทจะเจอโครงการที่ให้ผลตอบแทนดีเพื่อมาชดเชย dilution gap และแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอตัวลง
Risks
การปิดโรงไฟฟ้านอกแผน, ปัญหา cost overruns, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย