Our View? “ขึ้นในกรอบจำกัด”
คาดตลาดวันนี้ “Sideway Up” มองแนวรับที่บริเวณ 1,615 และแนวต้านที่บริเวณ 1,630 คาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงบวกจากตลาดต่างประเทศ โดยยังคงให้นํ้าหนักกับการผ่อนคลายความกังวลด้านเงินเฟ้อของสหรัฐ หลังตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.ค. ซึ่งถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สําคัญของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ออกมาที่ระดับ 8.5% YoY ต่ำกว่าตลาดคาดและอ่อนตัวลงจากเดือน มิ.ย. ที่ระดับ 9.1% สะท้อนภาพเงินเฟ้อสหรัฐอาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้วในช่วงเดือน มิ.ย. ซึ่งคาดจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เริ่มใช้นโยบายทางการเงินที่มีความคุมเข้มน้อยลง ขณะที่ CME FED Watch Tools บ่งชี้ตลาดคาดว่า FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียงแค่ระดับ 0.50% ในเดือน ก.ย. นี้ จากก่อนหน้าคาดที่ 0.75% คาดเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นได้ต่อ อีกทั้งเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ เดือน ส.ค. ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 55.1 มากกว่าที่คาดคาด และดีดตัวขึ้นจากระดับ 51.5 ในเดือน ก.ค. สะท้อนมุมมองของผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นได้ต่อ
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาอ่อนตัวลงอีกครั้ง ปิดที่ระดับ 92.09 ดอลลาร์/บาร์เรล -2.25 ดอลลาร์ หรือ -2.38% เรายังคงมองทิศทางราคาน้ำมันมีโอกาสแกว่งตัวลงได้ต่อ โดยยังคงให้น้ำหนักจากแนวโน้มการบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและชาติมหาอำนาอ ซึ่งคาดจะสามารถบรรลุข้อตกลงดังกล่าวได้ในช่วง 1-2 สัปดาห์หน้า ขณะที่ล่าสุดอิหร่านส่งสัญญาณพร้อมรับข้อเสนอในการรื้อฟื้นของตกลงดังกล่าว คาดจะส่งผลให้อิหร่านมีโอกาสส่งน้ำมันกลับเข้าสู่ตลาดโลกได้อีกครั้ง คาดจะกดดันทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานถ่วงตลาดได้ต่อในระยะถัดไป อีกทั้ง OPEC ออกรายงานปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกและอุปสงค์น้ำมันในปีนี้ลงที่ระดับ 100 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมคาดที่ระดับ 100.3 ล้าน บาร์เรล/วัน คาดจะกดดันทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวลงถ่วงตลาดได้ต่อ อย่างไรก็ดี เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, GPSC และ GULF) ที่ได้รับโยชน์จากแนวโน้มราคาต้นทุนพลังงาน ก๊าซธรรมชาติปรับลดลง และการปรับขึ้นค่า Ft. ต่อเนื่อง
สำหรับปัจจัยในประเทศ ติดตามสภาพัฒน์ฯ รายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ของไทย คาดจะออกมาที่ระดับ 3.1% YoY และ 0.9% QoQ โดยเป็นการขยายตัว YoY และชะลอตัวลงบ้างใน QoQ หากออกมามากกว่าที่ตลาด คาด มองจะเป็นปัจจัยบวกให้ตลาดเปิด Upside ขึ้นได้ต่อ อีกทั้งยังต้องติดตามความเคลื่อนไหวของธนาคารพาณิชย์ หลังธนาคารออมสินเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากประจำขึ้น 0.15-0.30% แต่ยังคงตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ที่ระดับเดิม หลังกนง. ขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% สู่ระดับ 0.75% คาดจะเป็นปัจจัยกดดันความกังวลต่อธนาคารพาณิชย์อื่นในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของฝากขึ้นตามหรือไม่ อาจกดดันทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารได้บ้าง อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อการที่ กนง. มีมุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นชัดเจนและต่อเนื่อง และคาดจะมีการปรับ ประมาณการเศรษฐกิจไทยขึ้นมากกว่าคาดการณ์ปัจจุบันที่ระดับ 3.3% ในการประชุม กนง. ครั้งถัดไป ขณะที่คาดว่า เงินเฟ้อจะเริ่มทยอยปรับลดลง คาดอาจเห็นจุดพีคไปแล้วในไตรมาส 3 เรามองว่ามุมมองดังกล่าวของ กนง. ที่มีต่อ ทิศทางเศรษฐกิจไทย คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนทิศทางตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ต่อ ทั้งนี้เรายังชอบหุ้นใน กลุ่มศูนย์การค้า (CPN, MBK และ PLAT) และหุ้นในกลุ่มโฆษณา (VGI, PLANB และ MACO) คาดจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเมืองและแนวโน้มนักท่องเที่ยวกลับมาดีมากขึ้นในช่วง 2H65 เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาหุ้นดังกล่าวได้
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนําวันนี้ “PLAT”
กลยุทธ์ แนวรับ 3.24 / 3.18 Target 3.60 / 3.74 Stop <3.10