บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Banpu Power (BPP.BK/BPP TB)*

ผลประกอบการ 2Q65: ถึงเวลากลับคืนมาอีกครั้ง

Event

ผลประกอบการ 2Q65 และปรับเพิ่มประมาณการกำไร ราคาเป้าหมาย และคำแนะนำ

Impact

กำไรสุทธิใน 2Q65 ดีกว่าประมาณการของเรา 11% แต่กำไรจากธุรกิจหลักเป็นไปตามคาด

กําไรสุทธิ BPP ใน 2Q65 อยู่ที่ 685 ล้านบาท (-77% QoQ, -39% YoY) ดีกว่าเราคาด เพราะ NCI ต่ำกว่าที่ คาด โดยกำไรที่ลดลงเพราะไม่มีบันทึกกำไรจากการขายการลงทุนรายการพิเศษใน 2Q65 ได้แก่ i) ผลขาดทุนจากเครื่องมือการเงินเพิ่มเป็น 943 ล้านบาท จาก Temple I และ ii) กำไรอัตราแลกเปลี่ยน 340 ล้านบาทจากเงินบาทอ่อนค่าลง ดังนั้น กำไรหลักจึงอยู่ที่ 1.29 พันล้านบาท (+60% QoQ, +29% YoY) ส่งผลให้กำไรจากธุรกิจหลักใน 1H65 คิดเป็น 80% ของประมาณการปี 2565F เดิมของเรา

ได้แรงส่งจาก Temple I และการกลับมาเดินเดินเครื่องผลิตของ BLCP และหงสา

กำไรหลักที่ยังดีอยู่จาก i) กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นถึง 90% QoQ เพราะ Temple I เข้าสู่ช่วง high season ในเดือนมิถุนายน และ ii) ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจหลักเพิ่มขึ้นถึง 142% QoQ จากการกลับมาเปิดดำเนินการโครงการหงสา และ BLCP อีกครั้ง ถึงแม้ว่าผลการดำเนินงานของ CHPs จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล แต่ผลขาดทุนลดลง YoY เนื่องจากอัตราค่าไฟฟ้า (โดยเฉพาะ Zhengding) และราคาไอน้ำเพิ่มขึ้น รวมถึงปริมาณยอดขายเพิ่มขึ้นจากการเข้าร่วมตลาดซื้อขายไฟฟ้า ทั้งนี้ รายได้จากธุรกิจหลักเพิ่มขึ้นเกิดนคาดที่ 13% QoQ ในขณะที่ GPM เพิ่มขึ้นเป็น 10.9% (จาก 6.5% ใน 1Q65 และ -12% ใน 2Q64) นอกจากนี้ Banpu NEXT บันทึกผลขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 396 ล้านบาท (จาก 274 ล้านบาทใน 1Q65) ในขณะที่ SLG บันทึกผลขาดทุนลดลง 213 ล้านบาท (จาก 254 ล้านบาทใน 1Q65)

ประมาณการ 2H65F – กำไรจะถึงจุดสูงสุดใน 3Q65F ก่อนจะชะลอลงใน 4Q65F

หลังปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้นอย่างมากเพื่อสะท้อนผลประกอบการที่ดีของ Temple I และ CHPs เราคาดกำไร 2H65 จะแข็งแกร่งกว่า 1H65 เราคาดว่ากำไรหลักใน 3Q65F จะเพิ่มเป็น 21.4 1.5 พันลบ. จาก high season ของ Temple I (ฤดูร้อนในรัฐ Texas) และผลขาดทุน CHPs ลดลง (ค่าไฟฟ้าสูงขึ้น) และผลขาดทุน SLG ลดลง (ผลการดำเนินงานดีขึ้น) หลังจากที่จีนผ่อนคลายมาตรการ lockdown ลง เราเชื่อว่าผลการดำเนินงานของ SLG จะได้แรงหนุนจาก capacity factor ที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนถ่านหิน ที่ลดลงจากการทำสัญญาระยะยางกับเหมืองถ่านหินใน 2H65 แต่เราคาดว่าผลประกอบการ BPP จะแผ่วลงใน 4Q65F เนื่องจากจะมีสองหน่วยผลิตของหงสาปิดซ่อมบำรุงและ Temple I แผ่วลง

Valuation & Action

เราเพิ่มคำแนะนำจาก ถือ เป็น ซื้อ และใช้ราคาเป้าหมาย DCF สิ้นปี 2566 ที่ 18.40 บาท จากเดิม 15.80 บาท เราเห็นสัญญาณว่าผลการดำเนินงานจะดีขึ้น โดยเฉพาะ CHPs (margin เพิ่มขึ้น) และ SLG (ราคาถ่านหินลดลง และอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น) ซึ่งนักลงทุนเป็นกังวลก่อนหน้านี้ รวมถึง Temple I ที่ผลประกอบการแข็งแกร่งเกินคาด (ปริมาณยอดขาย และอัตราค่าไฟฟ้า) เราคาดว่าโมเมนตัมของราคาหุ้นจะเร่งขึ้นใน 2H65 ในขณะนักลงทุนส่วนใหญ่ under-own หุ้น BPP

Risks

ปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, ปัญหา cost overrun, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย

- Advertisement -