บล.พาย:
STEC: บมจ.ชิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตัคชั่น “2Q22 ต้นทุนเพิ่มทำกำไรขั้นต้นลด”
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐานที่ 14.1 บาท ปรับลดลงจาก 16.2 บาท (23.5XPER’22E) เนื่องจากมีการปรับลดกำไรปี 22 ลงจากเดิม 12% หลังจากผลประกอบการงวด 2Q22 ออกมาไม่ดีนักจากปัญหาต้นทุนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และการขาดแคลนแรงงาน อย่างไรก็ตาม ถ้ามองระยะยาวคาดว่าด้วย Backlog ที่มีอยู่กว่า 89,000 ลบ. (ถ้ารวมงานอู่ตะเภาด้วยจะเพิ่มเป็นกว่า 1.1 แสนลบ.) จะทำให้รายได้กลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกครั้งตั้งแต่ 2H22 เป็นต้นไป
กำไรขั้นต้นกลับมาลดลงอีกครั้ง
• กำไรสุทธิงวด 2Q22 อยู่ที่ 173 ลบ. (+12,127%YoY,-25%QoQ) ถ้าไม่รวมรายการพิเศษใน 2Q21 กำไรปกติจะเพิ่มขึ้น 38%YoY
• รายได้อยู่ที่ 6,759 ลบ. (-4%YoY, -11%QoQ) ได้รับผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ขณะที่งานขนาดใหญ่ที่เซ็นสัญญาเข้ามาในช่วง 4Q21-1Q22 ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นทำให้รายได้ยังเข้ามาไม่มากนัก
• กำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 4.1% แม้ว่าจะดีขึ้นจาก 3.3% ใน 2Q21 เพราะไม่มีงานอาคารรัฐสภาแล้ว แต่ลดลงจาก 5.7% ใน 1Q22 คาดว่าเกิดจากต้นทุนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 217 ลบ. (+7%YoY,+19%QoQ)
• เงินปันผลรับอยู่ที่ 104 ลบ. +23%YoY (1Q22 ไม่มี)
• แนวโน้มในช่วง 2H22 ด้วย Backlog ที่มีกว่า 1.1 แสนลบ. (รวมงานอู่ตะเภาที่คาดว่าจะเริ่มได้ในช่วง 4Q22 นี้)
ทำให้เรามองว่าผลประกอบการจะเห็นการฟื้นตัวได้อย่างมาก รวมถึงแนวโน้มราคาเหล็กที่ลดลงจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้ปรับตัวดีขึ้นได้
ปรับกำไรลง 12% หลัง 1H22 ไม่ดีนัก
• ด้วยกำไรในช่วง 1H22 คิดเป็นสัดส่วนเพียง 38% ของกำไรทั้งปี ทำให้เราปรับกำไรสุทธิลงจากเดิม 12% มาอยู่ที่ 916 ลบ. (+29%YoY) โดยปรับลดรายได้ลง 5% มาอยู่ที่ 31,103 ลบ. (+12%YoY) เพราะโครงการอู่ตะเภาเริ่มช้ากว่าที่คาด
• แม้ปรับกำไรลงแต่ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เพราะคาดว่าหลังจากนี้รายได้จะกลับมาปรับตัวเพิ่มได้อีกครั้ง
Revenue breakdown
โครงสร้างรายได้ของ STEC ทั้งหมดเป็นงานก่อสร้าง โดยส่วนใหญ่เป็นงานภาคเอกชนที่เกี่ยวกับระบบโครงสร้างพื้นฐาน สอดคล้องกลับ Backlog ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานมากที่สุด