บล.ฟิลลิป:

ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี – STA รับผลกระทบจากราคายางที่ลดลง

Key Point

มุมมองต่อการดำเนินงานครึ่งปีหลังอาจดูอ่อนลงกว่าก่อนหน้า จากการล็อกดาวน์ในจีนที่ยังมีเป็นระยะๆ และส่งผลให้อุปสงค์การใช้ยางในประเทศดังกล่าวหดตัวลง แม้จะได้ลูกค้าจากประเทศอื่นมาทดแทน แต่ไม่สามารถชดเชยได้ทั้งหมด ทำให้แนวโน้มราคายางลดลงกว่าที่เคยคาด อีกทั้งธุรกิจถุงมือยางฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดเช่นกัน ทำให้ทางฝ่ายต้องปรับลดประมาณการลงจากเดิม อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปัจจุบันกลับมาซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ทางฝ่ายคงแนะนำ “ทยอยซื้อ” ปรับราคาพื้นฐานลงเหลือ 22 บาท

คาดครึ่งปีหลังการดำเนินงานได้รับผลจากราคาขายที่ลดลง

ธุรกิจยางบริษัทยังคงเป้าปริมาณขายที่ 1.5 ล้านตัน +15% y-y จากการขยายกำลังการผลิตรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น หลังคู่แข่งในอุตสาหกรรมประสบปัญหา ทำให้ได้คำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าที่ไม่ใช่จีน และปัจจุบันบริษัทมีขายล่วงหน้าไปถึงเดือน พ.ย. แล้วบางส่วน ทำให้เป้าที่วางไว้น่าจะทำได้ แต่คาดว่าราคาขายมีแนวโน้มลดลงกว่าที่เคยคาดไว้จากเดิม จากผลกระทบของอุปทานยางในปีนี้ที่คาดจะเพิ่มขึ้นราว 1-2% และยังได้รับผลกระทบจากการอ่อนตัวลงของคำสั่งซื้อจากผู้บริโภครายใหญ่อย่างจีน จากปัญหาการล็อกดาวน์ในประเทศทำให้สต็อกในจีนมีมาก และอยู่ระหว่างลดสต็อก อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ส่งสัญญาณชะลอตัว ขณะที่ธุรกิจถุงมือยางได้รับผลจากการขยายกำลังการผลิตทั้งของ STGT เอง และคู่แข่งหลักในมาเลเซีย ทำให้การใช้กำลังการผลิตทั้ง อุตสาหกรรมลดลง และส่งผลให้ราคาขายลดลง 5-10% q-q ทำให้การดำเนินงานยังไม่ฟื้นตัวอย่างที่เคยคาดไว้เช่นกัน ทำให้ทางฝ่ายต้องปรับลดประมาณการลงจากเดิม คาดปริมาณขาย 1.49 ล้านตัน และปรับราคาขายเฉลี่ยลงจากเดิม รวมถึงมีการปรับประมาณการของ STGT ลงจากเดิม ปรับยอดขายเป็น 110,601 ล้านบาทลดลง 6% y-y และคาด margin จะลดลงจากการดำเนินงานของ STGT ที่ลดลง และคาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 31% y-y จากปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น รวมถึงค่าขนส่งเพิ่มขึ้น ปรับกำไรสุทธิลงเหลือ 3,925 ล้านบาทลดลง 75% y-y

คงเป้าขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อ

บริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ทั้งการได้ลูกค้าใหม่จากผลผลิตยางในอินโดนีเซียที่ลดลงจากโรคใบร่วง, คำสั่งซื้อกลุ่มยางล้อทดแทน (Replacement) และคู่แข่งในอุตสาหกรรมที่อ่อนแอลง โดยตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่า 50% เพื่อให้มีกำลังการติดตั้งเป็น 4.39 ล้านตัน/ปี ภายในปี 2567 จากสิ้นปี 2564 ที่ 2.81 ล้านตัน โดยในปีนี้ STA มีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 18% y-y เป็น 3.31 ล้านตัน โดยเพิ่มกำลังการผลิตยางแท่ง 1.32 ล้านตัน/ปี ด้วยงบลงทุน 8,800 ล้านบาท และขยายกำลังการผลิตน้ำยางข้นเพิ่มขึ้น 1.84 แสนตัน/ปี ด้วยงบลงทุน 950 ล้านบาท

ความเสี่ยง

  1. ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ
  2. ภาวะเศรษฐกิจที่ลดลง โดยเฉพาะจากผู้ใช้ยางรายใหญ่
  3. อุปสงค์และอุปทานของยางธรรมชาติ

 

- Advertisement -