บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) +41.9%
Close Nov 9, 2022 Price (THB) 4.02
12M Target (THB) 5.80
Previous Target (THB) 6.20
What’s new?
- AMANAH รายงานกำไรสุทธิ 3Q65 จํานวน 61 ลบ. ลดลง 13.1%YoY และ 240 หลังค่าจ่ายในการดำเนินงานและการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด ขณะที่พอร์ตสินเชื่อยังขยายตัวขึ้นได้ดี
- คาดเห็นการฟื้นตัวของกำไรสุทธิตั้งแต่ 4Q65 หลังแรงกดดันด้านค่าใช้จ่ายผ่อนคลายลง และเริ่มเห็นผลจากการปรับนิติกรรมสัญญาเต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก
- ภายใต้ประมาณการใหม่ คาด AMANAH จะมีกำไรสุทธิ 301 ลบ. ลดลง 2% YoY ก่อนจะพลิกโต 26.5% YoY ในปี 2566
Our view
- เรามองผลประกอบการของ AMANAH ที่ต่ำกว่าคาด เป็นการสะดุดชั่วคราว จากการเร่งขายรถยึดและการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มจะผ่อนคลายใน 4Q65 ประกอบกับคาดบริษัทจะเริ่มเห็นผลบวกจากการปลดล็อคข้อจํากัดเรื่องนิติกรรมที่ใช้ในการทําธุรกิจ ทําให้ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทดีขึ้นจากในอดีตมาก ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันปรับลงจนมี Upside 41.9% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2566 ที่ 5.80 บาท (อิง Sustainable ROE = 19% ลดลงจากเดิมที่ 20% เพื่อสะท้อนผลกระทบจากต้นทุนดอกเบี้ยที่เร่งตัวขึ้น) พร้อมคาตให้ Div.Yield อีก 3.6% จึงคงแนะนำ “ซื้อ”
AMANAH LEASING รอกำไรฟื้นใน 4Q65 รับผลบวกจากการปรับธุรกิจ
กําไร 3Q65 สะดุดชั่วคราวจากผลขาดทุนรถยึดและตั้งสำรองสูงขึ้น
AMANAH รายงานกำไรสุทธิ 3Q65 จำนวน 61 ลบ. ลดลง 13.1%YoY และ 24%QoQ แย่กว่าที่เราและตลาดคาด 29.9% โดยมีปัจจัยกดดันจากทั้ง 1) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยปรับลง 12.2%QoQ หลังมีค่าธรรมเนียมน้อยลง รวมถึงรายได้จากการติดตามหนี้ที่ต่ำลงจาก 2Q65 2) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเร่งตัวขึ้น 14.5%QoQ หลังมีผลขาดทุนจากการขายรถยึดที่เพิ่มขึ้นมาก หลังฝ่ายติดตามหนี้มีการติดตามและขายรถยึดมากกว่าปกติ ประกอบกับราคารถยนต์มือสองปรับตัวลง นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้กับ Outsource – เพิ่มขึ้น และ 3) ค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 11%QoQ หลังตัวเลข NPL ขยับขึ้นเล็กน้อย และเพื่อคงความระมัดระวัง ส่งผลให้ ณ สิ้น 3Q65 AMANAH มี Coverage Ratio เพิ่มขึ้นเป็น 126.3% จาก 123.5% ใน 3Q65 อย่างไรก็ดี ปัจจัยลบต่างๆ บางส่วนถูกชดเชยด้วยรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่ปรับขึ้น 4.3%QoQ จากผลของพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัว 3.6%QoQ
ปรับลดประมาณการกำไรสะท้อน ผลดำเนินงาน 3Q65 ที่แย่กว่าคาด
จากผลดำเนินงานใน 3Q65 แย่กว่าคาดมาก ทำให้ราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิตั้งแต่ปี 2565 ลง เฉลี่ยปีละ 9% เพื่อสะท้อนถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และการตั้งสํารองที่สูงกว่าคาด อย่างไรก็ดี เรายังมองว่าแนวโน้มกำไรสุทธิของ AMANAH จะมีทิศทางฟื้นขึ้นใน 2Q65 โดยปัจจัยหนุนหลักจาก 1) Momentum เชิงบวกจากพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัวได้ดี หลังรับรู้ผลจากการปรับนิติกรรมสัญญาใหม่เต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก ประกอบกับ 4Q65 เป็นช่วง High Season ของธุรกิจ ทำให้เราคาดพอร์ตสินเชื่อจะขยายตัวได้ดี ทำให้รายได้ดอกเบี้ยรับและรายได้ค่าธรรมเนียมปรับขึ้นตาม นอกจากนี้คาดผลขาดทุนรถยึดจะชะลอตัวลง เนื่องจากผ่านพ้นการเร่งขายรถยึดไปแล้วใน 3Q65 ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายมีแนวโน้มปรับตัวลง ขณะที่การตั้งสำรองคาดปรับลงเล็กน้อย เนื่องจากทิศทางของเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวขึ้น หนุนให้ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้แข็งแรงขึ้น ดังนั้นภายใต้ประมาณการใหม่ เราจึงคาด AMMANAH จะมีกำไรสุทธิ 301 ลบ. ลดลง 2% YoY ก่อนจะพลิกโต 26.5%YoY ในปี 2565
มอง 4Q65 จะเริ่มเห็นผลบวกจากการปรับธุรกิจ และมี Upside น่าสนใจ
เรามองผลประกอบการของ AMANAH ที่ต่ำกว่าคาด เป็นการสะดุดชั่วคราว จากการเร่งขายรถยึดและการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มจะผ่อนคลายใน 4Q65 ประกอบกับคาดบริษัทจะเริ่มเห็นผลบวกจากการ ปลดล็อคข้อจำกัดเรื่องนิติกรรมที่ใช้ในการทำธุรกิจ ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทดีขึ้นจากในอดีตมาก ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันปรับลงจนมี Upside 41.9% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2566 ที่ 5.80 บาท (อิง Sustainable ROE = 19% ลดลงจากเดิมที่ 20% เพื่อสะท้อนผลกระทบจากต้นทุนดอกเบี้ยที่เร่งตัวขึ้น) พร้อมคาดให้ Div.Yield อีก 3.6% จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”








