บล.ทรีนีตี้

เงินติดล้อ – TIDLOR

กำไร 3Q65 โต YoY อ่อนตัว QoQ

  • ยังคงแนะนำ “ซื้อ” โดยใช้ราคาเป้าหมายปี 66 หลังจากการปรับประมาณการที่ 36 บาท จากเดิมที่ 39 (อิงวิธี Gordon Growth Model ด้วย PBV ที่ 3 เท่า)
  • TIDLOR ประกาศกำไร 3Q65 ที่ 901 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88 ล้านบาท +10.9% YoY, -8.3% QoQ สาเหตุจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยค่าธรรมเนียมและบริการ ซึ่งสัดส่วนหลักมาจากธุรกิจประกัน (+34.5% YoY, +8.7% QoQ) แต่ลดลงรายไตรมาสจาก cost to income ที่สูงขึ้น และมีการขาดทุนจากการด้อยค่า 271 ล้านบาท
  • NPL อยู่ที่ 1.5% (จาก 1.4% ใน 3Q64 และ 1.4% ใน 2Q65) ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ยังรับได้ (บริษัทฯ ตั้งเป้า NPL ให้ไม่เกิน 1.5% ในปี 65)

ผลดำเนินงาน 3Q65

  • TIDLOR ประกาศกำไรสุทธิที่ 812 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88 ล้านบาท (+10.9% YoY, -8.3% QoQ) เพิ่มขึ้น YoY จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากการขยายพอร์ตสินเชื่อ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจนายหน้าประกันชีวิตและประกันภัย และการควบคุมค่าใช้จ่าย (-2.4% YoY) กำไรลดลง QoQ จาก cost to income และ cost of fund ที่สูงขึ้น (+0.1% QoQ และ +3.2% QoQ ตามลำดับ) และมีการขาดทุนจากการด้อยค่า 271 ล้านบาท
  • ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานอยู่ที่ 1,983 ล้านบาท (+33% YoY, +8.8% QoQ) สอดคล้องกับการขยายตัวของสาขา และการเติบโตของธุรกิจประกัน
  • ค่าใช้จ่ายในการสำรองหนี้อยู่ที่ 242 ล้านบาท (+47.1% YoY, -14.7% QoQ) สอดคล้องกับการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อรวม รวมถึงสะท้อนคุณภาพหนี้หลังสิ้นสุดมาตรการพักชำระหนี้ ในขณะที่ NPL อยู่ที่ 1.5% (1.4% ใน 3Q64 และ 1.4% ใน 2Q65) โดยบริษัทฯ ยังสามารถบริหารจัดการคุณภาพลูกหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 313 ล้านบาท (+16.9% YoY, +9.5% QoQ) เติบโตจากเงินกู้และหุ้นกู้เพื่อรองรับการขยายพอร์ตสินเชื่อ
  • ปัจจุบันบริษัทฯ มีสาขาทั้งสิ้น 1,574 สาขา โดยมีการขยายสาขาเพิ่ม 288 แห่ง ใน 9M65 (เป้าหมายในการขยายสาขาปี 65 และ 66 อยู่ที่ 500 สาขา)

4Q65 Outlook

  • เราชอบ TIDLOR มากกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มอย่าง SAWAD และ MTC ไม่ว่าจะเรื่องคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อ และการตั้งสำรองที่ค่อนข้าง conservative โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มี coverage ratio ที่ 254% (326% ใน 3Q64 และ 270% ใน 2Q65) ถึงแม้จะลดลงบ้าง แต่ยังสูงที่สุดในกลุ่ม เรามองว่ากำไรของ TIDLOR ทั้งปีจะสามารถโตได้มากกว่า 10% และรักษาโมเมนตัมต่อไปในปี 66 แต่ได้มีการปรับประมาณการการตั้งสำรองขึ้นในปี 66 เพื่อสะท้อนการเพิ่มขึ้นของหนี้เสีย และปรับ ROE ลง

ความเสี่ยง ความเสี่ยงจากคู่แข่งทั้งในและนอกตลาด เพดานสินเชื่อ ต้นทุนดอกเบี้ยจ่าย อาจเพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย

- Advertisement -