บล.ฟิลลิป:

ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก – OR คาดผลการดำเนินงานฟื้นตัว q-q

Key Point

คาดผลการดำเนินงาน 4Q65 ฟื้นตัวจากปริมาณการขายที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น และค่าการตลาดที่มีแนวโน้มดีขึ้น q-q ส่วนธุรกิจ Lifestyle ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และการเพิ่มช่องทางการขายมากขึ้น นอกจากนี้ งบลงทุนในปี 2565 ยังเหลืออีกมากทำให้คาดว่าอาจเห็นการทำ M&A เพิ่ม ทางฝ่ายยังคงแนะนำ “ทยอยซื้อ” ราคาพื้นฐานปี 2566 ที่ 27 บาท

แนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q65 ฟื้นตัว q-q

ทางฝ่ายคาดผลการดำเนินงาน 4Q65 จะสามารถฟื้นตัว q-q หลักๆ จากธุรกิจ Mobility ที่คาดว่าปริมาณการขายจะปรับตัวสูงขึ้นตามฤดูกาลท่องเที่ยว และการขยายสถานีบริการน้ำมัน โดย OR ยังคงตั้งเป้าไว้ที่ 2,163 สถานี ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 2,111 สถานี และผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันที่คาดว่าจะลดลง ส่งผลให้ค่าการตลาดมีแนวโน้มที่ดีขึ้น q-q ในส่วนของธุรกิจ Lifestyle คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น q-q เนื่องจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มค่อนข้างสดใส ทำให้คาดว่าปริมาณการขายของ Café Amazon จะปรับตัวดีขึ้น และ margin มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นจากการปรับราคาขายตั้งแต่ ต.ค. ที่ผ่านมา เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้น จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวส่งผลให้ปริมาณการขายไม่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นราคา นอกจากนี้ OR ได้ออกผลิตภัณฑ์ Non- beverage ซึ่งคาดว่าจะเติบโตได้ดีจากฐานลูกค้าที่ค่อนข้างใหญ่ของ Café Amazon และช่วยหนุนผลการดำเนินงานของธุรกิจ Lifestyle ด้านค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารแม้ว่าใน 3Q65 จะอยู่ในระดับสูงจากมีค่าใช้จ่ายพิเศษเกิดขึ้น แต่คาดว่า 4Q65 จะยังอยู่ในระดับที่สูงต่อเนื่องจากปกติไตรมาส 4 จะมีกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดขาย รวมถึงมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทำให้แนวโน้มจะเพิ่มขึ้น q-q แม้คาดงบ 4Q65 จะฟื้นตัว q-q แต่จากงบ 3Q65 ที่ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้ทางฝ่ายปรับลดประมาณการผลการดำเนินงานปี 2565 ลงจากเดิม คาดปริมาณขายน้ำมัน 26,311 ล้านลิตร + 14% y-y และคาดค่าการตลาด 1.10 บาท/ลิตร ขณะที่ปริมาณขายน้ำมันต่างประเทศ +19% ที่ 1,530 ล้านลิตร ส่วนธุรกิจ Lifestyle คาด 362 ล้านแก้ว +21% คาด margin ลดลงจากค่าการตลาดที่ลดลงจากผลกระทบที่เกิดขึ้น รวมถึงมีขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน ปรับกำไรสุทธิลงเหลือ 12,371 ล้านบาท +8% y-y

การเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจ Lifestyle

ธุรกิจ Lifestyle มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วน Cafe Amazon คงเปิดราว 80-100 สาขา/ปี แต่จะเพิ่มการเปิดสาขา Pacamara มากขึ้น รวมถึงโอ้กะจู๋ ที่จะเปิด 6-7 สาขา/ปี แต่จะเพิ่มการขายผ่านร้าน Café Amazon 2 เท่าตัวจากปัจจุบันมีราว 30 สาขาจากการปลดล็อกเรื่องวัตถุดิบที่นำมาใช้ได้ โดยการเปิดสาขาจะเน้นไปภาคตะวันออกมากขึ้น อีกทั้งในปี 2567 โอ้กะจู๋จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดฯ

ความเสี่ยง

1. ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ

2. การเปลี่ยนแปลงนโนบายของรัฐ กฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับ

3. การแข่งขันที่มากขึ้นในอุตสาหกรรม

- Advertisement -