บล.พาย: 

PSL Precious Shipping PCL คาดว่าค่าระวางผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

เราปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” เพราะคาดว่าค่าระวางเรือเทกองแห้งจะปรับตัวดีขึ้นในครึ่งหลังปี 2023 หลังแตะจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือน ก.พ. 2023 หนุนจากอุปสงค์สินค้าเทกองนำเข้าของจีนหลังคลายล็อกดาวน์ และความหวังว่า สถานการณ์ที่ทะเลดำจะคลี่คลายลง จนสามารถขนส่งสินค้าธัญพืชจากรัสเซีย- ยูเครนกลับมาเป็นปกติได้ ขณะที่คาดว่าขนาดกองเรือเทกอง (Minor Bulk) จะโด 1.9% ในปี 2023 และ 0.8% ในปี 2024 ชิ่งจะเป็นช่วงที่มีการเติบโตของการส่งมอบเรือใหม่ที่จำกัด และน่าจะยังทําให้ผู้ประกอบการโดยรวมยังทำกำไรได้ดี เนื่องจากการเติบโตฝั่งอุปสงค์จะอยู่สูงกว่าอุปทานในปี 2024 ทั้งนี้ มูลค่าพื้นฐาน 14.0 บาท (จาก 15.60 บาท) อิงจาก 1.4xPBV ตามค่าเฉลี่ย 5 ปี ย้อนหลัง ซึ่งใกล้เคียงค่าเฉลี่ยกลุ่มขนส่งเอเชียที่ไม่รวมญี่ปุ่น การปรับราคาเหมาะสมลงสะท้อนการปรับลดประมาณการกำไรปี 2023 ลง 11% และการปรับลดค่าตัวคูณ PBV เฉลี่ย 5 ปีลง

กําไรสุทธิไตรมาส 1/23 ลดลงแรง แต่ยังดีกว่าที่ตลาดคาด

  • กําไรสุทธิไตรมาส 1/23 อยู่ 79 ล้านบาท หากไม่รวมกำโรอัตราแลกเปลี่ยน (FX) กำไรปกติจะอยู่ที่ 54 ล้านบาท (-96%YoY -91%QoQ) ฉุดลงจากอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยที่ลดลงแตะจุดต่ำรอบ 9 ไตรมาสที่ US$10,022/ วัน (-54%YoY -30% QoQ) กำไรยืนเหยือจุดคุ้มทุนเล็กน้อยในไตรมาส 1/23 เป็นผลจากปัจจัยบวกด้านสภาวะการสัญจรของเรือที่แออัดในปี 2021 และครึ่งแรกของปี 2022 ที่สิ้นสุดลง ท่ามกลางการเติบโตของเครษฐกิจโลกชะลอตัว
  • อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยของตลาด Supramax และ Handy-sized อยู่ที่ US$9,842 (-53%YoY -39%QoQ) และ US$9,852 (-51%YoY – 21%QoQ) กองเรือของ PSL ให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดเล็กน้อย เพราะมีสัญญาที่ยาวกว่า ด้วยอัตราค่าระวางที่ดี แม้จะมีขนาดของเรือเล็กกว่าค่าเฉลี่ยตลาดก็ตาม
  • อัตราค่าไรขั้นต้น (GPM) ลดลง YoY และ QoQ แตะจุดต่ำรอบ 10 ไตรมาส ที่ 22.8% เพราะผลประโยชน์จากอัตรากดการดำเนินงานที่น้อยลงในช่วงที่อัตราค่าระวางหดตัว ประกอบค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรปรับด้วขั้นสูง

คาดค่าระวางจะปรับดีขี้นตั้งแต่ไตรมาส 2/23 เป็นต้นไป

  • ณ วันที่ 5 พ.ค. 2023 พบว่าค่าระวางเรือ Supramax และ Handy-sized ฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว 25% และ 21% ตามลำดับ หากนับมาตั้งแต่ช่วงปิดไตรมาส 1/23 หลังจากอุปสงค์การนำเข้าสินค้าเทกองแห้งของจีนฟื้นตัวหลัง เทศกาลตรุษจีน โดยเราคาดว่ากำไรไตรมาส 1/23 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 2/23
  • การพับนโยบาย Zero-COVID ของจีนยังเป็นปัจจัยบวกต่ออุปสงค์การขนส่งกลุ่มเรือเทกองโลก (แร่ ถ่านหิน และ ธัญพีช) ในปี 2023 ที่คาดจะช่วยพยุงการเติบโตภาพรวมนั้นไม่ให้พลิกไปติดลบ แม้เศรษฐกิจมีแนวโน้ม ชะลอตัวลงในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยความเร็วในการฟื้นตัวนั้นจะขึ้นอยู่กับภาคอสังหาริมทรัพย์ และงบด้านโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลจีนด้วยเช่นกัน เพราะสามารถช่วยกระตุ้นอุปสงค์การใช้เหล็ก ชีเมนต์ และถ่านหินได้
  • คาดว่าค่าระวางในระยะยาวจะยังอยู่ในระดับที่ทำกำไรได้ดี เพราะการขยายตัวของอุปทานในอัตราจำกัด เห็นได้จากอัตราส่วนคําสั่งต่อเรือใหม่ต่อกองเรือโลกที่ต่ำสุดตั้งแต่ปี 1996 (6.9% สําหรับเรือเทกองแห้งทั้งหมด และ 3.7% สําหรับกลุ่ม Handy-stized) ซึ่งอาจทำให้การขนส่งสินค้าเทกองลดแตะจุดด่ำรอบ 19 ปีในปี 2024 ได้ ส่วนกฏเกณฑ์ใหม่เกี่ยวกับการปล่อยคาร์บอนจากองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) เช่น ‘เรื่องดัชนีประสิทธิภาพพลังงานของเรือ (EEXI) และการกำจัดชากเรือที่ไม่ผ่านเกณฑ์อายุการใช้งาน 20 ปีหรือมากกว่านั้น  ล้วนยังเป็นปัจจัยบวกอยู่ (อายุเรือเฉลี่ยของ PSL อยู่ที่ 11.2 ปี)

Review Summary

  • กำไรสุทธิไตรมาส 1/23 อยู่ที่ 79 ล้านบาท หากไม่รวมกำไรอัตราแลกเปลี่ยน (FX) กำไรปกติจะอยู่ที่ 54 ล้านบาท (-96%YoY -91%QoQ) ฉุดลงจากอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยที่ลดลงแตะจุดต่ำรอบ 9 ไตรมาสที่ US$10,022/วัน (-54%YoY -30%QoQ) กำไรที่ยืนเหนือจุดคุ้มทุนเล็กน้อยในไตรมาส 1/23 เป็นผลจากปัจจัยบวกด้านสภาวะท่าเรือแออัดในปี 2021 และครึ่งแรกของปี 2022 ที่สิ้นสุดลง ท่ามกลางการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
  • อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยของตลาด Supramax และ Handy-sized อยู่ที่ US$9,842 (-53%YoY -39%QoQ) และ US$9,852 (-51%YoY -21%QoQ) กองเรือของ PSL ให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดเล็กน้อย เพราะมีสัญญาที่ยาวกว่า ด้วยอัตราค่าระวางที่ดี แม้จะมีกองเรือเล็กกว่าตลาดก็ตาม
  • GPM ลดลง YoY และ QoQ แตะจุดต่ำรอบ 10 ไตรมาสที่ 22.8% เพราะผลประโยชน์จากอัตราทดการดำเนินงานที่น้อยลงในช่วงที่อัตราค่าระวางหดตัว เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 ลง 10% เพื่อสะท้อนถึงการปรับสมมติฐานเงินบาท/ดอลลาร์ฯ ของเราจาก 34.0 บาท เป็น 32.8 บาท และอัตราที่ต่ำเคาดช่วงขาลงในไตรมาส 1/23

Revenue breakdown

  • ปัจจุบันบริษัทมีกองเรือบรรทุกสินค้าเทกองจำนวน 38 ลำ รวมน้ำหนักบรรทุก 1,657,579DWT โดยกองเรือของบริษัทจดทะเบียนเป็นเรือธงไทยและสิงคโปร์จำนวน 22 และ 16 ลำ ตามลำดับ บริษัทดำเนินธุรกิจบริการขนส่งสินค้าทางเรือ ซึ่งมีเครือข่ายครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยให้บริการขนส่งทางเรือที่รองรับสินค้าหลากหลายประเภทประกอบด้วย ปูนซีเมนต์ 32%, สินค้าเกษตร 17%, เหล็ก 9%, ปุ๋ย 10%, แร่ 10%, ถ่านหิน 7% และรายการอื่น ๆ 15%

บริษัทให้บริการเรือขนส่งสินค้าซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท:

  • การให้บริการเป็นรายเที่ยว (Voyage Charter) คิดเป็นสัดส่วนที่ 1% ของรายได้รวม: การให้บริการลักษณะนี้ผู้เช่า บริการจะชำระค่าระวางเรือให้แก่บริษัท เพื่อขนส่งสินค้าจากท่าเรือต้นทางไปยังอีกท่าเรือปลายทางใด ๆ ตามที่ตกลง ซึ่งบริษัทเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายสำหรับเที่ยวการเดินเรือ ซึ่งรวมถึงค่าน้ำมันเชื้อเพลิง
  • การเช่าเหมาลำเป็นระยะเวลา (Time Charter) คิดเป็นสัดส่วนที่ 99% ของรายได้รวม: ลูกค้าจะเช่าและว่าจ้างบริษัทเพื่อควบควบคุมเรือและขนส่งสินค้าตามระยะเวลาที่ตกลงกัน ซึ่งลูกค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายสำหรับเที่ยวการเดินทางนั้นๆ รวมถึงค่าน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย
- Advertisement -