บล.บัวหลวง:
Thai Union Group (TU TB/TU.BK)
TU – ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2/66
เราคาดว่าราคาหุ้น TU จะยังคงถูกกดดันจากกำไรที่อ่อนตัวในไตรมาส 2/66 (อุปสงค์ที่ลดลงและต้นทุนที่สูงขึ้น) ในขณะที่รอโมเมนตัมการฟื้นตัวของกำไรในไตรมาส 3/66 เราชอบกลุ่ม ปศุสัตว์มากกว่า จากปัจจัยบวกชัดเจนจากฤดูกาลส่งออกในไตรมาส 2-3
ส่องกล้องไตรมาส 2/66 – กำไรหลักลดลง YoY และ QoQ
เราคาดกําไรไตรมาส 2/66 ที่ 791 ล้านบาท ลดลงอย่างมีนัยสําคัญ 65% YoY และ 23% QoQ ซึ่งตากว่าที่เราคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 1.3 พันล้านบาท รายได้และอัตรากำไรขั้นต้นของ TU คาดว่าจะลดลง YoY แต่ปรับตัวดีขึ้น QoQ อย่างไรก็ตาม กําไรจากการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้น QoQ จะถูกทอนลงจากผลขาดทุนที่มากขึ้นจากธุรกิจเรดล็อบสเตอร์ และเครดิตภาษีที่ลดลง ในไตรมาส 2/66 ซึ่งส่งผลให้กำไรสุทธิปรับตัวลดลง ในบรรดาหน่วยธุรกิจหลักของ TU (ธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป อาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็น อาหาร สัตว์เลี้ยง และสินค้ามูลค่าเพิ่ม) ธุรกิจอาหารแปรรูปมีการดำเนินงานดีกว่า ธุรกิจอื่นโดยมีการเติบโตที่สามารถกลับมาทรงตัว YoY ขณะที่ยอดขายธุรกิจ อื่นคาดว่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ YoY ในไตรมาส 2/66 เนื่องจากอุปสงค์ที่ลดลง
เส้นทางการฟื้นตัวของกําไรที่ไม่ชัดเจน
ผู้บริหารคาดว่าจะเห็นรายได้ที่เพิ่มขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/66 หนุนโดยคําสั่งซื้อที่เห็นล่วงหน้าบางส่วนจากลูกค้าในสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา เราคาดรายได้และอัตรากําไรจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในไตรมาส 3/66 เรามองว่าปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การกลับมาสต็อกสินค้าของลูกค้าและกําลังซื้อผู้บริโภค การขายสินค้าพรีเมี่ยมที่ปรับตัวดีขึ้น (สินค้าพรีเมี่ยมให้อัตรากำไรที่สูงขึ้น) การอ่อนค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก (สกุลเงินยูโร และเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 2/3 ของยอดขาย) ซึ่งจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานของ TU และราคาวัตถุดิบปลาทูน่า เราคาดต้นทุนราคาปลาทูน่าจะยังคงสูงในไตรมาส 3/66 เนื่องจากการระงับใช้ Fish Aggregation Devices (FADs) มีผลใช้บังคับในระหว่างไตรมาส ก่อนที่ราคาปลาทูน่าคาดว่าจะลดลงในไตรมาส 4/66
กําไรที่ลดลงส่งผลให้มีการปรับลดประมาณการกำไรปี 2566
แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/66 ที่อ่อนตัวลง ส่งผลให้เราต้องปรับลดประมาณการกำไรลง 22% ในปี 2566 และ 11% ในปี 2567 ประมาณการของเราอิงจากผลประกอบการในครึ่งแรกของปี 2666 ซึ่งต่ำกว่าเป้าของบริษัท เราคาดยอดขายในปี 2566 จะลดลง 12% YoY (ในครึ่งแรกของปี 2566 จะลดลง 11% YoY) เทียบกับเป้าหมายการเติบโตของบริษัทที่ 3-4% เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นปี 2566 อยู่ที่ 16.1% (ในครึ่งแรกของปี 2566 อยู่ที่ 15.5%) เทียบกับเป้าหมายของ TU ที่ 17.5% เราคาดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายไว้ที่ 12.5% (ในครึ่งแรกของปี 2566 อยู่ที่ 12.6%) เทียบกับเป้าหมายของ TU ที่ 11.0% ดูเหมือนว่ามีเพียงการคาดการณ์ผลขาดทุนจากธุรกิจเรดล็อบสเตอร์เท่านั้นที่เป็นไปตามคำแนะนําของบริษัท
โดยรวมแล้ว เราคาดว่า TU จะปรับลดเป้าปี 2566 หลังจากประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/66 ในเดือน ส.ค. ระหว่างนี้ เราคาดว่าตลาดจะปรับลดกำไรลงเช่นกัน กอรปกับปัจจัยที่ต้องติดตาม จะเป็นประเด็นกดดันราคาหุ้นของ TU ต่อไป ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566 ด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ของเราลดลงเหลือ 16.5 บาท (จาก 18.4 บาท) เรายังคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร TU จากราคาที่ปรับตัวลดลง โดยเราชอบกลุ่มปศุสัตว์มากกว่า เนื่องจากมีปัจจัยบวกชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 2