เงินเฟ้อไทยต่ำกว่าคาด เป็นบวกต่อกลุ่มการเงิน

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 0.1% ปัจจัยหนุนยังมาจากการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยนักลงทุนรอติดตามถ้อยแถลงประธาน FED ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.3% หลังจากชาอุและรัสเซียยืนยันปรับลดอุปทานถึงสิ้นปีนี้

Market Outlook

เมื่อวานที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์รายงานเงินเฟ้อประจำเดือน ต.ค. (-0.3%YoY) ลดลงครั้งแรกในรอบ 25 เดือน สาเหตุหลักจากการลดลงของราคาสินค้ากลุ่มพลังงานและสินค้าอุปโภค เนื่องจากมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ รวมทั้งเนื้อสุกรและผักสดที่ราคาต่ำกว่าปีที่ผ่านมา เมื่อหักราคาพลังงานและอาหารสดพบว่าเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 0.6%YoY ใกล้เคียงที่ Bloomberg คาดการณ์ไว้ โดยราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ปรับลงตามการลดลงของราคาเนื้อสัตว์ (สุกร ไก่สด) รวมไปถึงผักสด (ต้นหอม ผักบุ้ง แตงกวา) ที่ปริมาณออกสู่ตลาดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สินค้าในหมวดอาหารที่ปรับขึ้นได้แก่ ไข่ไก่ นมถั่วเหลือง ผลไม้สด ส่วนหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม (-0.09%YoY) ตามการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน (ค่าไฟฟ้า น้ำมันดีเซล) แต่ก็มีบางราคาสินค้า ที่สูงขึ้น ได้แก่ ค่าโดยสารเครื่องบิน น้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ ในภาพรวมมองเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO) ตามต้นทุนการใช้ชีวิตของประชาชนที่ลดลง ร้านอาหาร (CENTEL M MINT) ตามต้นทุนที่ลดลง แต่มองเป็นลบกับกลุ่มโรงไฟฟ้า สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศเมื่อวานพบว่าฝั่ง EU รายงาน PMI ภาคบริการ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วยังต่ำกว่าระดับ 50 มีเพียงสเปนที่ออกมา 51.1 และสูงกว่า Bloomberg Consensus คาดที่ 49.4

โดยสัปดาห์นี้หลักๆนักลงทุนจะรอดูถ้อยแถลงของประธาน FED ในวันพุธช่วงเวลากลางคืน ตามเวลาประเทศไทย  ส่วนในประเทศรอติดตามผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ซึ่งได้เริ่มประกาศออกมา วานนี้มี TIDLOR รายงานกำไร 3Q23 ที่ 1 พันล้านบาท (+12%YoY +9%Q0Q) ดีกว่าเราและตลาดคาดไว้ 5% ผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ดีขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อ รวมถึงส่วนต่างดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันยังสามารถควบคุม NPL ให้ทรงตัวได้ดีกว่าคาดที่ 1.5% พร้อมกับ Coverage Ratio ระดับสูงที่ 264% วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1410 – 1425 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะสะสมได้สำหรับนักลงทุนระยะกลาง – ยาว จากระดับ Valuation ที่ไม่แพงแต่เน้น ที่หุ้นขนาดใหญ่ อาทิ ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT MINT) ธนาคาร (BBL KBANK KTB SCB) ศูนย์การค้า (CPN) ส่วน Trading ระยะสั้นเลือกกลุ่มการเงิน (SAWAD TIDLOR) กลุ่มน้ำมัน (PTTEP) กลุ่มโรงกลั่น (BCP SPRC TOP) ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

TIDLOR (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท)

ผลการดำเนินงาน 3Q23 ออกมาที่ 1 พันล้านบาท (+12% YoY, +9% QoQ) ดีกว่าที่เราและตลาดคาดราว 5% การเติบโตของกำไรเป็นผลมาจาก (1) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของสินเชื่อ และ NIM เพิ่มขึ้น และ (2) รายได้ค่านายหน้าประกันเพิ่มขึ้น โดยกำไรงวด 9 M23ขยายตัว 2% ที่ 2.9 พันล้านบาท

SAWAD (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 59.00 บาท)

แนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่ง และการซื้อคืนเงินสดทันใจ (FM) กลับเข้ามา จึงคาดว่ากำไรสุทธิของ SAWAD จะกลับสู่เส้นทางการเติบโตได้ในปี 2023 หลังหดตัวลง 5.2% ในปี 2022 เราประเมินว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิโตเฉลี่ยต่อปี 16.2% ในช่วงปี 2023-25 ส่วนในครึ่งหลัง ปี 2023 คาดกำไรสุทธิจะออกมาแข็งแกร่งที่ 2.8 พันล้านบาท (+21% HoH, +19% YoY)

- Advertisement -