บริษัทวายแอลจีบูลเลี่ยนแอนด์ฟิวเจอร์ส :
ทองคำ
1,761 1,749 1,733
1,796 1,812 1,826

ข่าวสารสําคัญเพื่อประกอบการลงทุน (เพิ่มเติมช่วงบ่าย)
สรุป ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ในตลาดเอเชีย โดยได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของนายพาวเวล ประธานเฟด ที่ย้ำชัดเมื่อวานนี้ว่า “เฟดจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วเกินไปเพียงเพราะกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ” ซึ่งสัญญาณดังกล่าวสะท้อนว่าเฟดจะยังไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย เป็นปัจจัยที่ช่วยสร้างแรงหนุนให้แก่ราคาทองคำ อย่างไรก็ดี การปรับตัวของราคาทองคำเช้านี้ถูกสกัดช่วงบวกจากการทะยานขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวในแดนบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐขานรับถ้อยแถลงของประธานเฟดเช่นเดียวกับทองคำ

ประกอบกับบิตคอยน์ดีดตัวขึ้นแรงเกือบ +19% จากระดับต่ำสุดเมื่อคืนนี้บริเวณ 28,600 ดอลลาร์สู่ระดับ 34,000 ดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้ จึงบั่นทอนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่ม แต่ถึงแม้ราคาทองคำในตลาดโลกจะฟื้นตัวอย่างจำกัด แต่ราคาทองคำประเทศกลับได้รับอานิงสงค์เชิงบวกจากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท

ทั้งนี้ เงินบาทเช้านี้อ่อนค่าแตะระดับ 31.80 บาท แตะระดับอ่อนค่าสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปี 2020 ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวขึ้นมากกว่าราคาทองคำในตลาดโลกเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ขณะที่ตลาดจับตาการประชุม กนง. ของไทยในช่วงบ่ายของวันนี้ รวมถึงการเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่, ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของสหรัฐ และถ้อยแถลงของนางโบว์แมน หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด, นายบอสติก ประธานเฟดแอตแลนตา และนายโรเซนเกรน ประธานเฟดบอสตัน

ปัจจัยทางเทคนิค
แนวโน้ม Gold Spot:
หากการอ่อนตัวลงของราคาทองคำไม่มากและยังสามารถรักษาระดับเหนือแนวรับ ได้ ราคาทองคำยังมีลุ้นดีดขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,790-1,796 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากราคาทองคำไม่สร้างระดับต่ำสุดใหม่ของสัปดาห์ก่อนหน้า จะให้เกิดแรงซื้อทำกำไรสลับเข้ามาเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ประเมินแนวรับที่ 1,767-1,761 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน:
เน้นการลงทุนระยะสั้นโดยซื้อหากราคาอ่อนตัวลงมาในโซน 1,767-1,761 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมลดการลงทุนหากราคาหลุด 1,761 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ อาจทยอยแบ่งทองคำออกขายทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,790-1,796 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ผ่านได้สามารถถือต่อ

ข่าวสารประกอบการลงทุน
(+) “พาวเวล” ให้คำมั่นไม่ใช้ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อเป็นแรงผลักดันเร่งขึ้นดอกเบี้ย นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงต่อคณะอนุกรรมการว่าด้วยวิกฤตการณ์โควิด-19 ประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในช่วงเช้าตรู่วันนี้ตามเวลาไทยว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนตลาดแรงงานให้ฟื้นตัวเป็นวงกว้างและครอบคลุม และเฟดจะไม่ใช้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อเป็นแรงผลักดันให้ต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วเกินไป

“ตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าเฟดจำเป็นต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเรามองว่าการดีดตัวของเงินเฟ้อเป็นผลกระทบโดยตรงที่เกิดจากการเปิดเศรษฐกิจของสหรัฐ เราจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนเวลาอันควรเพียงเพราะความกังวลเรื่องเงินเฟ้อเพียงปัจจัยเดียว แต่เราจะรอให้มีหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดจากเงินเฟ้อหรือภาวะไร้สมดุลในด้านอื่นๆ ก่อนที่จะตัดสินใจใดๆเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย” นายพาวเวลกล่าว

นายพาวเวลยังกล่าวด้วยว่า การพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อเมื่อไม่นานมานี้ ไม่ได้สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่ตึงตัวเป็นวงกว้างจนทำให้เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นผลมาจากความต้องการสินค้าและการบริการที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และภาวะติดขัดด้านอุปทานที่เกิดขึ้นในช่วงที่สหรัฐเริ่มเปิดเศรษฐกิจ หลังจากต้องปิดเศรษฐกิจเป็นเวลานานเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยนายพาวเวลเชื่อว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เกิดจากการพุ่งขึ้นของราคาผู้บริโภคนั้น จะชะลอตัวลงในท้ายที่สุด

“ผมอาจกล่าวได้ว่าผลกระทบเหล่านี้มีขนาดใหญ่กว่าที่เราคาดการณ์ไว้ และอาจจะกลายเป็นผลกระทบที่ยืดเยื้อยาวนานกว่าที่เราคาด แต่ผมเชื่อว่าข้อมูลที่เราจะได้รับในวันข้างหน้านั้นจะสนับสนุนมุมมองของเราที่ว่า ผลกระทบจากปัจจัยเหล่านี้จะอ่อนแรงลงในวันข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำกว่าเป้าหมายของเรา แต่แน่นอนว่า หากผลลัพธ์ที่ออกมาไม่เป็นตามที่เราคาดไว้ เราก็จะใช้เครื่องมือต่างๆที่เหมาะสมเพื่อรับมือกับเรื่องนี้”
นายพาวเวลกล่าว

นายพาวเวลยังได้กล่าวถึงนโยบายการเงินของเฟดในวันข้างหน้า โดยเขาให้คำมั่นว่า เฟดจะจับตาข้อมูลสถิติของตลาดแรงงานเป็นวงกว้าง ซึ่งรวมถึงจับตาดูว่าตัวเลขจ้างงานของประชาชนกลุ่มผิวสีและกลุ่มอื่นๆมีความแตกต่างกันมากเพียงใด

(+) ทองฟิวเจอร์ฟื้นตัวเช้านี้ หลัง “พาวเวล” ให้คำมั่นเฟดไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย ราคาทองฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้นในช่วงเช้านี้ หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้คำมั่นว่า เฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว ณ เวลา 09.19 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ดีดตัวขึ้น 3.2 ดอลลาร์ หรือ 0.18% แตะที่ 1,780.60 ดอลลาร์/ออนซ์

(+) 4 กูรูเศรษฐศาสตร์ จับตา กนง.หั่น ‘จีดีพี’ปี 64 ต่ำ2% จับตาประชุมกนง.นักที่4วันพุธนี้ ด้าน4นักเศรษฐศาสตร์คาด มีโอกาสเห็น กนง.คงดอกเบี้ยยาวถึงปี66 พร้อมหั่นจีดีพีไทยต่ำ2% จากผลกระทบโควิดระลอก3 จากวิกฤติไวรัสโคโรนา สายพันธ์ใหม่ หรือโควิด-19 ที่เกิดขึ้นเป็นระลอก 3 ถือว่าสร้างความไม่แน่นอน ให้กับ “เศรษฐกิจไทย”ต่อเนื่อง ทำให้การคาดการณ์ การขยายตัวของเศรษฐกิจไทย หรือจีดีพีปีนี้ คาดการณ์ได้ยากขึ้น

รวมไปถึงการใช้ “นโยบายการเงิน” ที่อาจใช้เครื่องมือแบบเดิมไม่ได้อีกต่อไป และหันไปสู่ เครื่องมือที่แก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากขึ้น ดังนั้นการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินหรือกนง. ครั้งที่ 4ของปี 2564 ในวันพุธที่ 23มิ.ย. นี้ก็ถือเป็นอีกนัดสำคัญ ที่ตลาด และนักลงทุน “ติดตาม”มาก เพราะไม่ใช่แค่ลุ้นว่ากนง.จะปรับ “ดอกเบี้ย”หรือไม่ แต่ยังรวมไปถึงการปรับมุมมองเศรษฐกิจไทยปีนี้จาก ผลกระทบโควิด ระลอก 3 ด้วย จากเดิมที่คาดขยายตัว 3%

(-) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกตามทิศทางหุ้นนิวยอร์ก หลังปธ.เฟดส่งสัญญาณไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อคืนนี้ หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้คำมั่นว่า เฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป

โดยถ้อยแถลงดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,559.40 จุด เพิ่มขึ้น 1.99 จุด หรือ +0.06%, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,886.92 จุด เพิ่มขึ้น 2.79 จุด หรือ +0.01% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,468.24 จุด เพิ่มขึ้น 158.48 จุด หรือ +0.56%

(-) แอสตราเซเนกา ยันวัคซีนโควิด-19 มีประสิทธิผลกับ 2 ไวรัสกลายพันธุ์ที่พบในอินเดีย แอสตราเซเนกา ยืนยันวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท มีประสิทธิผลในการรับมือกับโควิดกลายพันธุ์ 2 ชนิดที่พบครั้งแรกในอินเดีย ตามรายงานของรอยเตอร์ แอสตราเซเนกา ออกแถลงการณ์ในวันอังคาร อ้างอิงการศึกษาโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ที่ตรวจสอบระดับภูมิคุ้มกันในเลือดของผู้ที่หายป่วยจากโควิดกลายพันธุ์ 2 ชนิดที่พบในอินเดีย ได้แก่ สายพันธุ์เดลตา (Delta) และแคปปา (Kappa) เทียบกับผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิดของแอสตราเซเนกา ซึ่งพบว่าวัคซีนมีประสิทธิผลกับโควิดกลายพันธุ์ทั้งสองชนิด

 

- Advertisement -