รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

Selective Buy//Accumulate on Dip

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวในแดนบวกได้ในช่วงครึ่งเช้า ก่อนที่จะมีแรงขายออกมากดดันช่วงบ่ายหลังกนง.ปรับลดประมาณการ GDP ลงและยังแสดงความกังวลต่อการระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ดัชนีย้อนลงมาปิดลบ 7.15 จุด ณ สิ้นวัน โดยแรงขายส่วนใหญ่มาจากฝั่งสถาบันในประเทศ 1.6 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิบางๆ 128 ลบ. (และ Short Index Futures 4.8 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,585-1,600 จุด โดยขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น ปัจจัยต่างประเทศยังคงมีแรงกดดันจากนโยบายการเงินของ FED ที่คาดทยอยตึงตัวขึ้น แม้ประธาน FED จะออกมาเน้นย้ำถึงการไม่เร่งรีบขึ้นดอกเบี้ย แต่เราประเมินว่าการลดขนาด QE คาดว่าจะเกิดขึ้นใน 4Q21 ส่วนปัจจัยในประเทศมีแรงกดดันหลังกนง.ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจและยังกังวลต่อการระบาดของ COVID-19 โดยน้ำหนักยังคงอยู่ที่การกระจายฉีดวัคซีนที่จำเป็นต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้จำนวนผู้ติดเชื้อทยอยลดลงในระยะถัดไป เรายังคาดว่าการเปิดเมืองและเปิดประเทศจะทยอยเกิดขึ้นใน 3Q21-4Q21 เป็นลำดับ ค่าเงินบาทที่อยู่ในทิศทางอ่อนค่าเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มส่งออกทั้งอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร ยานยนต์ และคาดมีแรงเก็งกำไรเข้ามาหนุน ส่วนกลุ่ม Domestic Play เรายังคาดว่าจะ Outperform ตลาดได้ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยระยะสั้นชอบกลุ่มการแพทย์มากที่สุดจากแนวโน้มกำไร 2Q21 ที่โดดเด่นสวนทางกลุ่มอื่นๆ

กลยุทธ์ : เก็งกำไรเป็นรายตัวที่มีประเด็นบวก//สะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มช่วงตลาดปรับฐาน

  หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : CK, CPALL, EKH, SAPPE, TACC

หุ้นเด่นวันนี้ : BDMS
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2022 จาก FSSIA 28 บาท
• คาดกลุ่มการแพทย์จะสามารถเคลื่อนไหวแข็งแรงกว่าตลาดฯจากแนวโน้มกำไร 2Q21 ที่คาดฟื้นตัวโดดเด่นและได้อานิสงส์จาก COVID-19 ระลอก 3 สวนทาง Domestic Play อื่นที่คาดกำไรยังอ่อนแอ
• แนวโน้ม 2H21 คาดฟื้นตัวต่อเนื่องจากการทยอยเปิดเมืองและเปิดประเทศ และมี Catalyst จากการเริ่มฉีดซีน Moderna ปลาย 3Q21 เราคาดกำไรปี 2021-2022 +6% Y-Y และ +53% Y-Y ตามลำดับ
• แนวรับ 22.50 บาท แนวต้าน 23-23.10//23.50 บาท

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคได้ตามคาด US$539 ล้าน แต่กระจุกตัวที่ไต้หวันและเกาหลีใต้ US$519 ล้านและ US$77 ล้าน ตามลำดับ ส่วนตลาดเอเซียนโดยรวมเม็ดเงินไหลออก มีเพียงเวียดนามที่ไหลเข้าบางๆ US$7 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังเบาบางเนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทั่วโลกเริ่มกลับมาขยับขึ้นอีกครั้งเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม

ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ธปท.ปรับลดประมาณ GDP ตามคาด กนง.วานนี้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% เพราะการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ทำให้เศรษฐกิจฟื้นช้าและไม่ทั่วถึงมากขึ้น นโยบายเร่งปรับโครงสร้างหนี้และสินเชื่อฟื้นฟูจะช่วยได้ตรงจุดมากกว่าการลดดอกเบี้ย และปรับลด GDP ปี 2021 และ 2022 เหลือโต 1.8% และ 3.9% จากเดิม 3.0% และ 4.7% ตามลำดับ หลักๆจากการปรับลดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้เหลือ 7 แสนคน ปีหน้าเหลือ 10 ล้านคน และมีโอกาสปรับลงอีกหากการระบาดยังรุนแรง และคาดปีนี้ขาดดุลดุลบัญชีเดินสะพัด US$1.5 พันล้าน (เดิมคาดเกินดุล US$1.2 พันล้าน) คาดการณ์ดังกล่าวกดดันเงินบาทอ่อนค่าต่อ

(+) จับตาตัวเลขส่งออกเดือน พ.ค. ตลาดคาด +33% Y-Y จากฐานที่ต่ำปีก่อนเนื่องจากการ Lockdown ช่วง COVID-19 ระบาดระลอกแรก เราคาดว่าสินค้าที่ยังเติบโตแข็งแกร่ง ได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ถุงมือยาง อาหารสัตว์ เครื่องดื่ม โดยคาดได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวและค่าเงินบาทที่อ่อนค่า หุ้นทีได้ประโยชน์ ได้แก่ HANA KCE SAT AH TU STGT SAPPE IVL PTTGC XO

(+) กลุ่มส่งออก ค่าเงินบาทอ่อนค่ามากสุดในรอบ 1 ปีมาอยู่ที่ 31.83 บาท/ดอลลลาร์ +1.8% W-W เป็นบวกต่อผู้ส่งออกอย่างอิเล็กทรอนิกส์และอาหาร เราพบว่าค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทุก 1 บาท จะเป็นบวกต่อกำไรของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ราว 3-4% เนื่องจากสัดส่วนรายได้ส่งออกมาก ส่วนกลุ่มอาหารเป็นบวกราว 1% เนื่องจากสัดส่วนส่งออกน้อยกว่าและบางรายขายเป็นเงินบาท สมมติฐานค่าเงินบาทของเรายังอยู่ที่ 30.50 บาท/ดอลลาร์ (2021YTD อยู่ที่ 30.77 บาท/ดอลลาร์ เราแนะนำ “ซื้อ” TU GFPT TFG SAPPE ส่วน KCE และ HANA แนะนำ “เก็งกำไร”

(+) TFG เราเริ่มต้นบทวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.80 บาท (PE 15 เท่า) คาดกำไรปี 2021
ทรงตัว ซึ่งถือว่าแข็งแกร่งเพราะปีก่อนฐานกำไรสูง และคาดกำไรปี 2022 +11% Y-Y ปัจจัยหนุนมีหลายประการ คือโรงไก่ปรุงสุกจะเริ่มคุ้มทุนใน 2H21 มีการขยายกำลังการเลี้ยงหมูเวียดนามราวเท่าตัว ทยอยใช้กำลังผลิตโรงอาหารสัตว์มากขึ้น ราคาเนื้อสัตว์ทรงตัวดี ราคาวัตถุดิบ (ถั่วเหลือง) ปรับลง และ Valuation ถูก PE ปีนี้เพียง 12.7 เท่า ต่ำกว่ากลุ่ม

(+) SC ยอดขาย 2QTD ทำได้แล้ว 5 พันลบ. แนวราบยังเป็นพระเอก เราประเมินยอดขาย 2Q21 จบที่ 5.4 พันลบ. -5% Q-Q, -13% Y-Y ดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า และคิดเป็น 55% ของเป้าทั้งปีที่ 2 หมื่นลบ. ซึ่งเราคิดว่าน่าจะทำได้เกินเป้าเพราะการเปิดโครงการใหม่จะกระจุกใน 2H21 ส่วนกำไร 2Q21 คาดโต Q-Q แต่ลด Y-Y จากฐานสูง ปัจจุบันมี PE เพียง 6.5 เท่า ปันผล 6% แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.50 บาท

(0) หุ้นเข้าออก SET50-SET100 งวด 2H21 SET50 หุ้นเข้า IRPC KCE STGT STA หุ้นออก AWC BAM TOA VGI ส่วน SET100 หุ้นเข้า AAV ICHI NRF PSL PTL SINGER STGT SYNEX TKN หุ้นออก AWC BPP EPG GFPT MBK TOA TPIPP TTW WHAUP

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

24 มิ.ย. ไทย: นำเข้า-ส่งออก (พ.ค.)
เยอรมนี: ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (มิ.ย.)
ฟิลิปปินส์: ประชุมธนาคารกลาง
อังกฤษ: ประชุม BoE
สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (พ.ค.), 1Q21 GDP (2nd forecast)
25 มิ.ย. เยอรมนี: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มิ.ย.)
สหรัฐฯ: รายได้-การใช้จ่ายส่วนบุคคล เงินเฟ้อ PCE (พ.ค.)
29 มิ.ย. ยูโรโซน: ดัชนี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจ (มิ.ย.)
1 ก.ค. ไทย: SET50/SET100 ชุดใหม่มีผล
OPEC+ ประชุม

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 71.34 จุด หรือ 0.21% ปิดที่ 33,874.24 จุด หลังมีรายงานยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐปรับลง 5.9% เป็น 769,000 ยูนิตในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี และต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 870,000 ยูนิต
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ กดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ รวมถึงการปรับลงของหุ้นกลุ่มสินค้า Luxury ของฝรั่งเศส หลัง HSBC มองว่าตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยจะชะลอตัวลง
(0) ตลาดเอเชียปรับตัวผสม แม้กดดันจากการปรับลงของตลาดดาวโจนส์ อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปรับขึ้นทำ New High จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง อยู่ที่บริเวณ 31.86 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 73.08 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 7.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่านักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 6.3 ล้านบาร์เรล
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 6 ดอลลาร์ หรือ 0.34% ปิดที่ 1,783.4 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่าเฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยหลังเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าคาดของสหรัฐ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,046.65 / -2.91

- Advertisement -