รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

รุกฆาตตลาดหุ้น
Trading Range
  แกว่งตัวออกข้าง 1570-1590

PICKS OF THE DAY
SCGP : BUY
• งบ 2H64 ดีกว่า 1H64 : ผลลบ Margin จากราคาวัตถุดิบช่วง 2Q64 จะลดลงใน 2H64 ที่สามารถปรับราคาขายได้ และกำลังการผลิตใหม่ใน 4Q64 จะช่วยหนุนกำไร 2H64
• หุ้นปิดเมือง : สินค้าของบริษัทเน้นอุปโภคบริโภค Demand ไม่ผันผวน มักจะขายได้ดีในช่วงที่ COVID-19 ระบาดหนัก ทำให้ราคาหุ้นดีกว่า SET ในช่วงนี้

TTA : BUY
• 2Q64 คาดกำไรโตโดดเด่นและ laggard กลุ่ม : 2Q64 คาดกำไรโตโดดเด่นตามค่าระวางเรือในตลาด +52% q-q และ +360% y-y และ MML มีแนวโน้มที่ดีขึ้น laggard เทียบ PSL, RCL
• ครึ่งหลังดีไม่แพ้ครึ่งแรก : 3Q-4Q64 เป็นช่วงเก็บเกี่ยวข้าวสาลีและถั่วเหลืองของสหรัฐฯ บราซิล และอาร์เจนตินา จึงเป็นช่วง high season อีกทั้ง MML จะรับรู้งานส่วนใหญ่จาก 111 ล้าน US$ จาก backlog ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ 241 ล้าน US$ ทำให้ภาพใน 2H64 ดีไม่แพ้ 1H64

ตลาดหุ้นวันนี้
• แกว่งตัวออกข้าง ท่ามกลางปัจจัยกดดัน : หลังตอบรับการประกาศใช้มาตรการคุมเข้มจากทาง ศบค. เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ภายในประเทศ วานนี้ตลาดหุ้นไทยพลิกรีบาวด์กลับขึ้นมาในช่วงบ่ายก่อนปิดตลาดลดช่วงการติดลบลงเหลือเพียงราว 3 จุด และยืนเหนือแนวรับ 1575 จุดได้
จึงคาดว่าเช้านี้ SET Index มีแนวโน้มแกว่งตัวออกข้างเป็นหลักในกรอบระหว่าง 1570-1590 จุด โดยการทำ Window Dressing ก่อนปิดไตรมาสของนักลงทุนสถาบัน และการปิดไตรมาสของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าซีรี่ย์ M21 อาจทำให้ในช่วงท้ายตลาดมีความผันผวนมากกว่าปกติ
อย่างไรก็ดี คาดว่าปีนี้การทำราคาปิดบัญชีอาจไม่มีผลทางบวกมากนักเนื่องจากปัจจัยภายในประเทศยังกดดัน Upside ของ SET Index ในภาพรวม

• กลยุทธ์การลงทุน : ทางฝ่ายยังคงคำแนะนำให้มีพอร์ตเก็งกำไรระยะสั้นในสัดส่วนไม่เกิน 30% ไปก่อน โดยเน้นหุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการระบาดของ COVID-19 (การแพทย์, Packaging), การเพิ่มขึ้นของมาตรการ WFH (อุปกรณ์สินค้า IT) กลุ่ม Global Play (เดินเรือ) และกลุ่ม Defensive Play (สื่อสาร)

• สถานการณ์ COVID-19 ทั่วโลกและไทย : ภาพรวมจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันทั่วโลกยังทรงตัวเพิ่มขึ้นเพียงราว 2% จากสัปดาห์ก่อน โดยสหรัฐพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำสุดต่อเนื่องในรอบปีโดยเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 4,700 ราย และรายสัปดาห์ลดลงถึง 5% ส่วนอินเดียแม้ผู้ติดเชื้อรายวันยังสูงแต่ปรับตัวลดลงกว่า 18% จากสัปดาห์ก่อน สะท้อนภาพการกระจายวัคซีนอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ทั้งสหรัฐและอินเดียมีสถานการณ์ภายในประเทศดีขึ้น
ขณะที่สถานการณ์ในประเทศไทยยังไม่ดีนักโดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเร่งตัวสูงขึ้นต่อเนื่องวานนี้กว่า 5,400 ราย และเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 18% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลก สหรัฐและอินเดีย อีกทั้งสัดส่วนการเพิ่มขึ้นของสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) พุ่งแตะ 12% จาก 10% ในช่วงสุดสัปดาห์มีแนวโน้มกลายเป็นสายพันธุ์ระบาดหลักในอีกไม่ช้าซ้าเติมสถานการณ์ในประเทศไทย จึงคาดว่าการระบาดของไทยน่าจะยังเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องและไม่น่าจะดีขึ้นภายใน ก.ค. 64 แม้นายกฯ ขอเวลาประเมินรอบ 2 สัปดาห์ก่อนตัดสินใจผ่อนคลายหรือไม่

• Bond Yield สหรัฐปรับตัวลง และบาทอ่อนต่อเนื่อง : Bond Yield สหรัฐอายุ 10 ปีวานนี้ปรับตัวลงมาแตะระดับ 1.4% อีกครั้ง หลังนักลงทุนเริ่มให้น้ำหนักกับการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐศุกร์นี้ ที่อาจออกมาต่ากว่าคาดการณ์และเงินเฟ้อสหรัฐอาจเริ่มชะลอตัวลง ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังอยู่ในแนวโน้มแข็งค่าต่อไป
ขณะที่ค่าเงินบาทไทยยังอ่อนค่าต่อเนื่องแตะระดับ 32.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในเช้านี้ จากสถานการณ์COVID-19 ภายในประเทศอาจกดดัน Fund flow ต่างชาติในภาพรวม แต่เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออกและอิเล็กทรอนิกส์

- Advertisement -