รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Investment Strategy
กลยุทธ์ : ช่วงต้นสัปดาห์แรกของเดือน ก.ค. น่าจะยังไม่มีปัจจัยในเชิงลบเข้ามากระทบ โดยการประชุม OPEC ยังต้องติดตามดูว่าทางกลุ่มลงมติอย่างไรเกี่ยวกับปริมาณการผลิต ในกลุ่มนี้น่าจะเป็นกลุ่มที่มีการคาดกันว่างบจะออกมาดีใน Q2/21 จากก้าไรของสต๊อกน้ำมันดิบ ค่าการกลั่น ส่วนกลุ่มเด่นที่ราคาหุ้นในกลุ่มขึ้นมาอย่างต่ำ 2-300% กลุ่มเดินเรือ ที่ตอนนี้ดัชนีชี้นำทั้งแบบตู้คอนเทรนเนอร์ (Harpex index) และแบบเทกองหรือ Baltic dry index ปรากฏว่าดัชนีทั้ง 2 ยังขึ้นต่อ แต่ให้เริ่มเพิ่มความระมัดระวังเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง หากทางรัฐบาลจีนออกมาตรการคุมเข้มพวกราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ส่วนอีกกลุ่มที่คาดว่างบ Q2/21 จะออกมาดี โดยมีแรงกระตุ้นจากการส่งออกและค่าเงินบาท คือ ชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกส์ สุดท้ายจะเป็นกลุ่มโรงพยาบาล ที่ได้รับแรงหนุนจากการแพร่ระบาด ทิศทางดัชนี SET ที่ยังขึ้นมาเล่นเหนือ 1600 จุดไม่ได้ ดูเหมือนจะเกร็งๆกับเรื่องการแพร่ระบาดที่อาจนำไปสู่การ lockdown
อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามข้อมูลไปอีกสักพัก โดยวันนี้อย่างน้อยเราเริ่มเห็นการเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวที่ภูเก็ต หากได้รับการตอบสนองที่ดีถือว่าเป็นปัจจัยหนุนกับตลาด ส่วนทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐยังปิดได้ดี ขณะที่ราคาน้ำมันยังต้องรอผลการประชุมOPEC ในวันนี้ วันนี้มองดัชนี SET น่าจะขึ้นไปทดสอบ 1600 จุดอีก หากขึ้นแล้วยืนจะเป็นสัญญาณเชิงบวก แต่หากมีแรงขายแล้วดัชนีปิดลงต่ำกว่าเมื่อวานนี้ น่าจะไม่ค่อยดีนักในช่วงสั้นๆ นี้ โดยมองแนวต้านที่ 1600-1605 จุดและแนวรับที่ 1584-1578 จุด แนะนำ AOT PTTGC CPN CRC
Themes play :
AWC BAM TOA VGI : หลังจบการทำ SET50/SET100/SETHD Rebalancing ไป ณ ราคาปิดเมื่อวานนี้ เรากลับมาศึกษาย้อนหลังดูราคาหุ้นของหุ้นที่ถูกถอดออกจาก SET50 ย้อนหลัง 1 ปีที่ผ่านมา (2H20 – 1H21) เราจะพบว่าหลังจบการ rebalancing ไป 1 สัปดาห์, 2 สัปดาห์และ 1 เดือน หุ้นที่ถูกถอดออกจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +7.5%, +11.1% และ +26.1% ซึ่งดูสูงผิดปกติเนื่องจากปีที่แล้วราคาหุ้น DELTA ที่ถูกถอดออกจาก SET50 ในรอบ 2H20 ราคาพุ่งขึ้นมากผิดปกติ
ดังนั้นเราจึงต้องทำการตัดความผันผวนดังกล่าวออก โดยตัดหุ้น DELTA ออกจากการคำนวณผลตอบแทน เราจะได้ว่าหุ้นที่ถูกถอดออกจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +6.4%, +1.7% และ -1.1% เทียบกับ SET (รวม DELTA) ที่ให้ผลตอบแทน +3.8%, +3.4% และ +0.5% แต่หากเราวิเคราะห์ลงไปในรายละเอียดเราจะพบว่าหุ้นที่ถูกถอดออกจาก SET50 (ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย -8.4% ย้อนหลัง 3 ปีนับจากวันที่ประกาศจนถึงวันที่มีผลบังคับใช้) ที่ถูกแรงขายภาคบังคับจากกองทุน Index fund ออกมา จะเริ่มฟื้นตัวได้ตามปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง จึงให้ผลตอบแทนดีกว่า
หุ้นที่ถูกเพิ่มเข้า SET50 (เฉลี่ยให้ผลตอบแทน +3.5% ในช่วงวันประกาศถึงมีผลบังคับใช้) ที่มีแรงซื้อไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ที่สุดก็ต้องดูราคาเป้าหมายเป็นสำคัญ ซึ่งหากพิจารณาดูหุ้น 4 บริษัทที่ถูกถอดออกจาก SET50 ในคราวนี้แล้วเราจะพบว่าบริษัทที่น่าสนใจ ทยอยสะสม เรียงตาม upside ประกอบไปด้วย TOA upside 29% จากราคาเป้าหมายเฉลี่ยของ Bloomberg consensus ที่ 41.93 บาท (Buy/Hold/Sell : 8/0/1), VGI upside 23.3% จากราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 7.46 บาท (Buy/Hold/Sell : 12/2/2), AWC upside 22.4% จากราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 5.24 บาท (Buy/Hold/Sell : 6/2/4) และ BAM upside 14% จากราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 21.18 บาท (Buy/Hold/Sell : 8/4/2)
CGS-CIMB : ประเด็นในสัปดาห์
1 ก.ค. : การประชุมกลุ่มโอเปกพลัสเพื่อพิจารณานโยบายการผลิตน้ำมันดิบ
1 ก.ค. : จีนประกาศตัวเลข Caixin China PMI Mfg เดือน มิ.ย. โดยตลาดคาด 51.9 จากเดือนก่อนหน้าที่52
1 ก.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Markit US Manufacturing PMI เดือน มิ.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่ 62.6
1 ก.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Construction Spending MoM เดือน พ.ค. โดยตลาดคาด 0.5%จากเดือนก่อนหน้าที่ 0.2%
1 ก.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข ISM Manufacturing เดือน มิ.ย. โดยตลาดคาด 61 จากเดือนก่อนหน้าที่61.2
2 ก.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Change in Nonfarm Payrolls เดือน มิ.ย. โดยตลาดคาด 6.95 แสนรายจากเดือนก่อนหน้าที่ 5.59 แสนราย
2 ก.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Unemployment Rate เดือน มิ.ย. โดยตลาดคาด 5.7% จากเดือนก่อนหน้าที่ 5.8%
Fundamental Stock :
BCH : คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย : 25.60 บาท / CBG : คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย : 155.50 บาท
Technical Pick
กลยุทธ์ : SET Index แนวโน้มหลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1570 และ1540 เป็นเป้าหมายในการปรับฐานตามกรอบแนวโน้มขาขึ้น โดยมีแนวต้านส้าคัญที่ 1600 ถ้าสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะเป็นสัญญาณซื้อทางเทคนิคไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1615 และ 1630
HANA
แนวรับ : 71.25 และ 70.50
แนวต้าน : 75.00 และ 78.00
SKE
แนวรับ : 1.14 และ 1.12
แนวต้าน : 1.25 และ 1.30
