รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET -3.64 จุด แรงขายต่างชาติภาคบ่ายกดดันตลาด
SET แกว่ง +/- ในกรอบ 1584-1600 เปิดสูงภาคเช้าจากแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นรายตัว แต่ปิดลดลงในภาคบ่าย มีแรงขายหุ้นเปิดศก. (AOT, CRC, CPN, BDMS) หลังมีข่าว COE มีความล่าช้า และกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี รอผลประชุม OPEC+ 1 ก.ค. ต่างชาติขายสุทธิ 3.89 พันลบ. 4 วันติด และ Short S50 Futures 1,900 สัญญา 3 วันติด

ทิศทางตลาดวันนี้ : ไซด์เวย์กรอบจำกัด รอติดตามหลายปัจจัยปลายสัปดาห์นี้
หุ้นโลกเมื่อวาน (30 มิ.ย.) ปิดไร้ทิศทาง โดยหุ้นยุโรปปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไร กังวลแนวโน้มการระบาดสายพันธุ์เดลตาในยุโรป หลังมีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นจากการแข่งขันฟุตบอลยูโร ขณะที่หุ้นสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ปรับขึ้นเล็กน้อย ดัชนี S&P500 ปิดระดับสูงสุดใหม่ อานิสงส์ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 692,000 ตำแหน่ง ดีกว่าตลาดคาดที่ 600,000 ตำแหน่ง หลังมีการเปิดศก. อย่างไรก็ดี ตลาดกำลังรอติดตามการประชุม OPEC+ หารือข้อตกลงการผลิตน้ำมันสำหรับช่วง 2 เดือนข้างหน้า (ส.ค. – ก.ย.) และตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยวันศุกร์นี้ เพราะจะมีอิทธิพลต่อนโยบายการเงินของ FED ในอนาคต

มอง SET มีแนวโน้มแกว่งไซด์เวย์อยู่ในกรอบ แม้โครงการคนละครึ่ง, ยิ่งใช้ยิ่งได้ และภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เริ่มต้นวันนี้ (1 ก.ค.) แต่สถานการณ์ระบาดภายในปท.รวมทั้งหลายประเทศในเอเชียยังน่าเป็นห่วง มีผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับที่สูงขึ้น ประกอบกับดัชนีชี้วัดค่าเงินดอลลาร์ฯ จ่อระดับแข็งค่าสุดในรอบ 2 เดือน และมีโอกาสที่จะแข็งค่าขึ้นต่อจากการส่งสัญญาณนโยบายการเงินสหรัฐฯ ที่เข้มงวดขึ้น คาดยังกดดันกระแสเงินทุนตปท.เป็นลบอยู่ต่อเนื่อง

วันนี้ นอกจากจะติดตามประชุม OPEC+ แล้ว แนะนำติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิตของทั่วโลกใน มิ.ย. โดยรวมตลาดคาดทรงถึงปรับตัวลง แนวรับ 1580, 1565-70 แนวต้าน 1600, 1610 อนึ่ง MVP ติด Cash Balance 1-21 ก.ค. จากมาตรการ Trading Alert / TH, XPG, XPG-W4 ติด Cash Balance วันสุดท้ายถึง 1 ก.ค. (ถ้าไม่ถูกขยายเวลา)

กลยุทธ์การลงทุน : Wait & See เป็นกลยุทธ์หลัก รอจังหวะเปิดเทรดรอบใหม่
มองยังเร็วเกินไปที่จะกลับเข้าไปเทรดดิ้งสั้น แนะ Wait & See เป็นกลยุทธ์หลัก แต่หากรับความเสี่ยงได้สูง เลือกเก็งกำไรหุ้นเป็นรายตัว ลงซื้อ-ขึ้นขาย ไม่หวังส่วนต่างราคามาก / พอร์ตลงทุน แนะรอซื้อสะสมที่ต่ำกว่า 1560 ลงมา

• ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Fundamental Pick BEC – เป็นหุ้น Turnaround คาดพลิกมีกำไรปีนี้ 860 ลบ.จากปีที่แล้วที่ขาดทุน 214 ลบ. และคาดจะกลับมาจ่ายเงินปันผลครั้งแรกใน 4 ปี Div. Yield 2 ปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 3.1% อานิสงส์จากการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย ขณะที่อัตราการใช้สื่อโฆษณาและเรตติ้งเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังคุณสรยุทธกลับมาดำเนินรายการข่าว “เรื่องเล่า”, แนวโน้มกำไร 2Q21F คาดเติบโตทั้ง YoY, QoQ, เป้าพื้นฐาน 17.8 บ.

กระแสส่งเสริมรถ EV และแบตเตอรี่ EV เป็น Sentiment บวกต่อ EA, NEX, GPSC, PTT, BANPU, BCPG, ROJNA รวมทั้งผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ SAT, STANLY / หุ้นขนาดใหญ่-กลางที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมืองและมาตรการรัฐกระตุ้นการบริโภค แต่ราคายังฟื้นตัวช้า – BAM, BDMS, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, WHA

หุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุนระยะสั้น หาจังหวะสะสม กลุ่มรับเหมา (คาดจะมีข่าวงานภาครัฐทยอยเปิดประมูลในช่วง 1-2 เดือนนี้) – CK, STEC และกลุ่มได้ประโยชน์ส่งออกขยายตัวดี ชอบ CPF, TU, KCE, JWD, SCGP / ธุรกิจกัญชา – RBF, RS, ICHI, SAPPE, KISS

• หุ้นเด่นสัปดาห์นี้ (Stock Focus) BDMS, STGT
• หุ้นเด่น ก.ค. (Smart Tactics) BCH, BDMS, BEC, JWD, KCE, NYT, TVO

ปัจจัยติดตาม
วันที่          ปท.                 เหตุการณ์
1 ก.ค.      OPEC,TH          การประชุม OPEC-JMMC,
ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจไทยใน มิ.ย.
JP,CH,EU          PMI ภาคอุตฯ ญี่ปุ่น, ภาคเอกชนจีน (Caixin),
สหภาพยุโรปในมิ.ย., อัตราว่างงาน EU ใน พ.ค.
US                  ISM Manuf. สหรัฐฯ ใน มิ.ย.,
การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างใน พ.ค.,
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
2 ก.ค.     JP, EU              การเปลี่ยนแปลงฐานเงินญี่ปุ่นใน มิ.ย.,
ดัชนีราคาผู้ผลิตสหภาพยุโรปใน พ.ค.
US                   การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ ใน มิ.ย.,
ดุลการค้าสหรัฐฯ ใน พ.ค.
US                   คำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ ใน พ.ค. (สุดท้าย),
คำสั่งซื้อภาคโรงงานสหรัฐฯ ใน พ.ค.

ที่มา : Bloomberg, TISCO Research

- Advertisement -