รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“Selective Play”

CNS Daily Strategy: คาดตลาด “Sideways” ต้าน 1585/1596 จุด รับ 1565/1555 จุด ตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐฯออกมาผสมผสาน ทำให้ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่า และ US Bond Yield ปรับตัวลง หนุนกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดหุ้นสหรัฐฯขึ้น ขณะที่ทางฝั่งน้ำมันดิบ ยังต้องติดตามการประชุม OPEC+ ต่อวันนี้ หลังสัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่ได้บทสรุป

ส่วนภายใน ไทยเผชิญ Outflows ต่อเนื่อง ผลจากความรุนแรงของ Third Wave จากการระบาดของสายพันธ์เดลต้า ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเผยว่าสายพันธ์นี้จะกลายเป็นสายพันธ์หลักในไทยในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า ซึ่งหากควบคุมไม่ได้ จะทำให้ยอดเสียชีวิตพุ่งแรงขึ้นอีก แนะจับตาการเร่งฉีดวัคซีน วันนี้แนะ “Selective Play” : ASIAN, KSL

Nomura : Key Factors

· (*) US : อัตราการจ้างงานนอกภาคเกษตรออกมาที่ 850,000 ตำแหน่ง มากกว่าคาด แต่อัตราการว่างงานเดือนมิ.ย. ที่ 5.9% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 5.8%

· (*) OIL: ติดตามการประชุม OPEC+ ต่อวันนี้ หลังสัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่ได้บทสรุป

· (*) OIL: วานนี้ WTI -0.07$(-0.09%) สู่ 75.16/bbl, BRT +0.33$(+0.44%) สู่76.17/bbl

· (-) TH: ผู้เชี่ยวชาญเผยว่าสายพันธ์เดลต้าจะกลายเป็นสายพันธ์หลักในไทยในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า ซึ่งหากควบคุมไม่ได้ จะทำให้ยอดเสียชีวิตพุ่งแรงขึ้นอีก

· (*) TH: ศบค.เตรียมผ่อนคลายโครงการก่อสร้างและการเคลื่อนย้ายแรงงานบางโครงการ

· (-) Fund Flows: หุ้น -4,155 ลบ, สัญญา Future -13,824 สัญญา, Bond -1,040 ลบ

Nomura Daily Top Picks: ASIAN, KSL

Equity Daily Outlook : คาดตลาด “Sideways” ต้าน 1585/1596 จุด รับ 1565/1555 จุด ตัวเลขภาคแรงงานของสหรัฐฯออกมาผสมผสาน โดยอัตราการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย. ออกมาที่ 850,000 ตำแหน่ง มากกว่าคาดที่ 720,000 ตำแหน่ง แต่อัตราการว่างงานเดือนมิ.ย. ที่ 5.9% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 5.8% และมากกว่าคาดที่ 5.6% ทำให้ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าลงสู่ 92.3 จุด และ US Bond Yield 10 ปี ลดลงสู่ 1.43% หนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้น โดยกลุ่มที่นำตลาดขึ้นคื่อกลุ่มเทคโนโลยี ส่วนทางฝั่งน้ำมันดิบ Brent ขยับขึ้นเล็กน้อย +0.44% สู่ 76.17 เหรียญ/บาร์เรล โดยการประชุม OPEC+ เมื่อวันศุกร์ยังคงไม่ได้บทสรุปเกี่ยวกับกำลังการผลิตในเดือนส.ค. จึงจะประชุมกันต่อในวันนี้ แนะจับตา

ส่วนทิศทาง Fund Flows ในเอเชีย ยังคงเผชิญ Outflows โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา ขายสุทธิรวม -1,821 ล้านเหรียญ และขายสุทธิในทุกประเทศ โดยไทย -303 ล้านเหรียญ สูงสุดในกลุ่ม TIPs สาเหตุหลักยังคงมาจากความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดภายใน โดยยอดผู้ติดเชื้อวันนี้ยังสูงถึง 6,166 ราย แบ่งเป็น ทั่วไป 6,082 ราย เรือนจำ 84 ราย เสียชีวิต 50 ราย ผลจากการแพร่ระบาดของสายพันธ์เดลต้าที่ติดเชื้อได้ไวขึ้น ซึ่งจากการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าในอีก 3 เดือนข้างหน้า แนวโน้มผู้ติดเชื้อจะมีมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันการระบาดของสายพันธุ์เดลตาในกรุงเทพอยู่ที่ประมาณ 40% แล้ว ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า สายพันธุ์เดลตาจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในไทย มีโอกาสที่จะเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเร่งตัวขึ้นได้ จึงจำเป็นต้องเร่งฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่เสียชีวิต

จึงต้องจับตาการเร่งฉีดวัคซีน ทั้งนี้ ศบค.เตรียมผ่อนคลายโครงการก่อสร้างและการเคลื่อนย้ายแรงงานในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล สำหรับโครงการก่อสร้างที่มีความจำเป็น ได้แก่ การก่อสร้างที่อาจเสียหายเชิงวิศวกรรมถ้าปล่อยไว้นาน การก่อสร้างด้านจราจร และการก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับการควบคุม Covid-19 เช่น รพ.สนาม ส่วนการเคลื่อนย้ายแรงงานให้ทำได้แต่มีมาตรการควบคุม แนะติดตามประกาศอย่างเป็นทางการ

Daily Strategy : ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ Third Wave ยังคงกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ กลยุทธ์แนะนำ Selective รายกลุ่ม เน้น Earnings กลุ่มส่งออกที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า-ต้นทุนลดจากราคาโภคภัณฑ์ที่จีนควบคุม กลุ่ม SET50-100 กลุ่มประกัน และกลุ่มเครื่องดื่ม ขณะที่คงน้ำหนักการลงทุนที่ 50%

· Research Highlight :

ASIAN (BUY, TP20.5) : เราเริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ” TP22F 20.50 บาท อิง PER ที่ 18 เท่า +2 SD จากค่าเฉลี่ย 5 ปี จาก

1) การส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 21 ติดต่อกัน และยังคงขยายตัว Double Digit แม้หลายประเทศคลายล็อคดาวน์แล้ว สอดรับกับเทรนด์ Pet Humanization และ Aging Society

2) สัดส่วนรายได้ที่ดีขึ้น จากจากเร่งขยาย Capacity ในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และอาหารแช่แข็ง VAP ตามความต้องการซื้อที่เร่งตัวขึ้น ผนวกบาทอ่อนจะทำให้อัตราการทำกำไรดีขึ้น

3) งบดุลที่แข็งแกร่งขึ้นหนุนการจ่ายปันผลเพิ่ม ซึ่งเรามองไว้อยู่ที่ 0.55-0.63 บาท/หุ้น คิดเป็น 3-4% Dividend Yield

RBF (NEUTRAL, TP20.8) : เรามีมุมมอง Positive sentiment ต่อการได้รับใบอนุญาตโรงสกัด CBD-THC จากกัญชงเชิงพาณิชย์รายแรกของประเทศ ช่วยปลดล็อคขั้นตอนหลักในการเข้าสู่ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกัญชงของบริษัทลงทันที ทั้งนี้ ตามแผนหากได้รับใบอนุญาตการปลูกใน 1-2 เดือนนี้ บริษัทคาดจะเริ่มรับรู้รายได้จากสาร CBD ได้ตั้งแต่ปลายปีนี้ก่อนที่จะเกิดรายได้เต็มที่ในปีหน้า คาดรายได้จากสาร CBD และผลผลิตเกี่ยวเนื่องกับกัญชงรวมขายสาร Terpene ในปี 22F ราว 1.3 พันลบ.จากปี 21F ที่ส่วนใหญ่เป็นการขายสารแต่งกลิ่นสังเคราะห์ (Terpene) ราว 104 ลบ. ผลักดันรายได้และกำไรสุทธิปี 22F โตก้าวกระโดดกว่า +41%และ +81% ตามลำดับ

KBANK (BUY, TP175) : KBANK แจ้งตลาด (2 ก.ค.) จะทำการขายประกันชีวิตของ MTL แต่เพียงผู้เดียวผ่านช่องทางสาขาธนาคาร รวมถึงบริษัทย่อยของธนาคาร โดยสัญญาการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันฉบับใหม่กับ MTL มีระยะเวลา 10 ปี โดยจะเริ่มต้นวันที่ 1 ม.ค. 2022 เรามีมุมมอง Slightly positive ต่อดีลดังกล่าว เพราะการปรับเปลี่ยนสัญญาจำหน่ายประกันชีวิต (Bancassurance) ฉบับใหม่เป็นการปรับเปลี่ยนการรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมเพื่อให้เหมือนกับคู่แข่งในตลาดที่ทำสัญญากันไปก่อนหน้า จะหนุน KBANK มีรายได้ค่าธรรมเนียมส่วนเพิ่มจากการขายผลิตภัณฑ์ประกันให้กับ MTL คือ

1) Access fee ที่ราว 630 ลบ. ต่อปี (หลังหักรายการระหว่างกัน และหลังหักภาษี) ก่อให้เกิด upside ต่อประมาณการกำไรปี 2022F ราว 2% และ

2) Performance fee ซึ่งขึ้นกับยอดขายที่ KBANK จะทำได้ในอนาคต ต่างจากสัญญาฉบับเดิมของ KBANK กับ MTL ที่ธนาคารจะมีรายได้เพียง Commission fee เท่านั้น

HEALTHCARE (BULLISH) : เราคงแนะนำ Bullish สำหรับกลุ่มการแพทย์ โดยเลือก BCH กลับมาเป็นหุ้นเด่นร่วมกับ BDMS เนื่องจาก

1)ระยะสั้น 3Q21F มองว่าปัญหาการส่งมอบวัคซีน จะส่งผลกระทบต่ออัตราการฉีดวัคซีนหลักของรัฐบาล ขณะที่ยอดติดเชื้อมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้ BCH มีปัจจัยบวกจากเป็น รพ. ที่ได้ประโยชน์จากการให้บริการตรวจเชื้อ และมีเตียงรองรับการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อมากสุด

2) ใน 2H21F เรามองว่าวัคซีนทางเลือกทั้งชิโนฟาร์มและโมเดอร์น่าจะมีบทบาทมากขึ้นต่อภาพรวมการฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และ

3) วัคซีนทางเลือกโมเดอร์น่าของ รพ.เอกชน มีความต้องการสูง ทำให้ประมาณการกำไรปี 22F ของ รพ. อาจเกิด upside ได้อีกจากการฉีดวัคซีนโมเดอร์น่ามากกว่าสมมติฐานของเรา

· Commodities : 1)ราคาน้ำตาล +1.51% สู่ 18.21 เซนต์ต่อปอนด์ บวกต่อ KSL 2)ราคาถ่านหิน +1.55% สู่ 134.08 เหรียญ/ตัน บวกต่อ BANPU 3)ราคาถั่วเหลือง 0.21% สู่ 1449.75 เซนต์/บุชเชล บวกต่อ TVO

· (+) Cannabis/Hemps: ใกล้ทยอยประกาศใบอนุญาต โรงสกัดกัญชง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่ม และช่วงถัดไป การพิจารณา การใช้ CBD/THCเป็นส่วนผสมของการใช้ภายในจะเริ่มขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มหุ้นที่เตรียมผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ นอกจากนี้ทางการยังใกล้ปลดล๊อคพืชเกษตรอย่างกระท่อม ซึ่งมีสรรพคุณช่วยลดอาการปวดเมื่อย และมีกำลัง คล้าย Energy Drink เป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม กลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไร กลุ่มต้นน้ำ RBF, GUNKUL, STPI กลุ่มการสกัด RBF, KWM และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม OSP, ICHI, SAPPE

· หุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า ทุกๆ 1 บาท บวกต่อเกษตรอาหาร กำไรสุทธิเพิ่ม3-1% TU, CPF, ASIAN, NER, XO, SAPPE กลุ่มชื้นส่วนฯ กำไรสุทธิเพิ่ม3-2% SVI, HANA, KCE กลุ่มนิคม AMATA กลุ่มวัสดุ EPG +3% ลบต่อ Airline โรงไฟฟ้า

· (+) Cost Reduction: คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) แถลงจีนจะยังคงทำการระบายสต็อกโลหะภาคอุตสาหกรรม ซึ่งได้แก่ ทองแดง อะลูมิเนียม และสังกะสี จากคลังสำรองแห่งชาติต่อไป ส่งผล ทองแดง อะลูมิเนียม ลดลง บวกต่อหุ้นชิ้นส่วน(KCE,HANA) เครื่องดื่ม(CBG,OSP,ICHI,SAPPE) จากแนวโน้มต้นทุนลด

· July Top Picks: KCE, TOA, TIDLOR, TVO, SAT, ICHI, PM

Fundamental & Tactical Daily Top Picks :

ASIAN (TP22F 20.5*): S 16.0/15.4 R 16.9/18.0 (Stop Loss: 15.0)

· Theme: Export Play

· Earnings Outlook: ผู้ประกอบการด้านอาหาร ที่เปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจสำเร็จ มาเน้นกลุ่มอุตสาหกรรม High growth และ Margin สูง คือรับจ้างผลิต (OEM) กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง และกลุ่มสินค้ามูลค่าเพิ่ม (VAP)(กุ้ง/ปลาหมึกชุบแป้งทอด) มองแนวโน้มกำไร 21F เติบโต +26% y-y มาที่ 899 ลบ. โดยระยะสั้นมองกำไร 2Q21F เพิ่ม y-y, q-q โดยภาพระยะกลางปี 22F ยังมีแผนเพิ่ม Capacity รองรับคำสั่งซื้อกลุ่ม Pet food +13% และกลุ่ม VAP +30%

· Valuation: มองราคาหุ้นยังเป็นจุดซื้อสะสม โดยมี PER21F 14 เท่า และ Div yield 3.5%

· Catalyst: เราเริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ” จาก TP22F 20.5

1) เป็นบริษัทที่ปรับโครงสร้างธุรกิจสำเร็จมากลุ่มที่เติบโตสูง และเข้ากับ Theme PET Humanization และ Aging society

2) อุตฯ PET Food เป็นกลุมที่ผู้ประกอบการไทยเด่น และปีนี้ลุ้นขึ้นเป็น Top3 Global exporter หลังยอดส่งออกขยายตัว 21 เดือนติดกัน

3) รับประโยชน์เงินบาทอ่อนค่าสูง (ส่งออก 75%)

KSL (TP22F 5.5*): S 3.80/3.72 R 4.0/4.1 (Stop Loss: 3.62)

· Theme: Commodity Play

· Earnings Outlook: คาดกำไรสุทธิปี FY21F, 22F ที่ 580 ลบ. ก่อนเติบโตสูง +90%y-y มาที่ 1,103 ลบ. ในปี FY22F จากปริมาณขายน้ำตาลและไฟฟ้าเพิ่มขึ้น แต่คาดกำไรปกติ 3QFY21F ที่ 151 ลบ. (-20%y-y -17%q-q) จากปริมาณขายน้ำตาลลดลง และทำให้ Gross margin ลดตาม

· Valuation: ราคาหุ้นปรับลงมา มองเป็นจุดซื้อกลับที่ดี หลังราคาน้ำตาล เริ่มปรับขึ้น โดยซื้อขาย PER 22F ที่ 16 เท่า

· Catalyst: ราคาน้ำตาลยังอยู่ในโซนสูงที่ 18 เซ็นต์ (สัปดาห์ที่ผ่านมา +4.3% w-w) ยังมีโอกาสล็อคราคาขายเพิ่ม

- Advertisement -