สธ.เผยแนวทางฉีดวัคซีนไฟเซอร์ยังไม่มีข้อสรุป ทางฝั่ง ศปก.ศบค.ยันเร่งซื้อ “โมเดอร์นา-ไฟเซอร์” แจงขั้นตอนล่าช้าเพื่อความรอบคอบ อ้าง ต้องระมัดระวังในแง่ของกฎหมาย “อัยการสูงสุด” ทำงานเร็วว ตรวจร่างสัญญาแล้วเสร็จ ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา และในวันนี้เมื่อเปิดทำการสำนักงานอัยการสูงสุดจึงส่งคืนสัญญาให้องค์การเภสัชกรรมแล้ว ด้านเครือข่ายแรงงานสุดทน บุกทำเนียบตั้งโลงศพ วอนเปิดทางซื้อวัคซีนคุณภาพ-เยียวยาลูกจ้าง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า กรณีมีเอกสารการประชุมเรื่องการใช้งานวัคซีนไฟเซอร์ที่รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนมาให้ระบุว่าหากนำไปใช้ฉีดเข็มสามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน จะแสดงให้เห็นว่าวัคซีนที่นำมาใช้ก่อนหน้านี้ไม่มีคุณภาพนั้นเป็นความเห็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการวิชาการ ยังไม่ใช่ข้อสรุปที่จะนำไปใช้เป็นแนวปฏิบัติ

“ทั้งหมดเป็นเพียงความเห็นเท่านั้น เป็นความเห็นของคณะกรรมการคนหนึ่งในคณะ เมื่อเป็นรูปแบบของคณะกรรมการจึงไม่ได้ให้ใครคนใดคนหนึ่งตัดสินใจ ส่วนจะนำวัคซีนไฟเซอร์มาฉีดเป็นเข็มที่ 3 ให้บุคลากรแพทย์หรือไม่ เป็นเรื่องวิชาการ ขอรอให้คณะกรรมการวิชาการได้ข้อสรุปออกมาก่อน” นายอนุทิน กล่าว

ทั้งนี้ การประชุมคณะกรรมการวิชาการจะมีอาจารย์แพทย์ที่เสียสละเวลาเข้ามาให้ความเห็นและทัศนะ เมื่อผ่านขั้นตอนนี้ไปแล้ว ก็ต้องไปพิจารณากันอีกหลายชั้นว่าจะปฏิบัติแบบไหน ซึ่งวัคซีนที่ได้รับมาจากการประสานงานระหว่างรัฐบาลทั้ง 2 ชาติ ซึ่งที่ผ่านมาเคยได้รับการสนับสนุนทำนองนี้แล้ว คือ การสนับวัคซีนจากรัฐบาลญี่ปุ่น แต่มีเงื่อนไขคือห้ามจำหน่ายต่อ สำหรับการรับการสนับสนุนล็อตนี้ก็ต้องไปดูรายละเอียดชัดๆ จากกระทรวงต่างประเทศว่า มีเงื่อนไขอย่างไร

ศปก.ศบค.ยันเร่งซื้อโมเดอร์นา-ไฟเซอร์ แจงขั้นตอนล่าช้าเพื่อความรอบคอบ
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศปก.ศบค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมควบคุมโรคจะเร่งรัดการจัดหาวัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์เพื่อมาใช้เป็นวัคซีนหลักเพิ่มขึ้นอีก 1 ยี่ห้อ ส่วนวัคซีนจากบริษัทโมเดอร์นา องค์การเภสัชกรรมเป็นผู้เร่งรัดในการจัดหา โดยคาดว่าหากสำนักงานอัยการสูงสุดอนุมัติร่างสัญญาก็จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันพรุ่งนี้ และเดินหน้านำเข้าต่อไป

สำหรับการจัดหาวัคซีนทางเลือกที่ทางโรงพยาบาลเอกชนระบุว่าเกิดข้อติดขัดจากภาครัฐบาลจึงทำให้ไม่สามารถนำเข้าโดยเร็วได้นั้น พลเอกณัฐพล ระบุว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีหน่วยงานที่รับผิดชอบได้นำเข้ามาหารือทั้งในส่วนของโมเดอร์นาและไฟเซอร์ ในเรื่องขั้นตอนการนำเข้าโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการแล้ว แต่ต้องขออภัยเนื่องจากการดำเนินการต้องระมัดระวังในแง่ของกฎหมายด้วย เนื่องจากหากมีข้อผิดพลาดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องรับผิดชอบด้วย

ส่วนแนวโน้มที่จะให้วัคซีนไฟเซอร์เป็นวัคซีนเข็มที่ 3 ของบุคลากรด่านหน้านั้น ต้องรอความเห็นจากกระทรวงสาธารณสุขเนื่องจากประเด็นเพิ่งเกิดช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และศูนย์บริรสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ต้องฟังความเห็นของฝ่ายสาธารณสุข เพราะข้อคิดเห็นจากแพทย์ยังแตกต่างกัน จึงต้องฟังข้อสรุปจากที่ประชุมกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก

กรณีกระแสข่าวที่ระบุว่ามีบางฝ่ายคัดค้านการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 3 ให้กับบุคลากรด่านหน้าเพราะอาจสะท้อนว่าวัคซีนซิโนแวกไม่มีประสิทธิภาพนั้น พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ขอให้ไปถามกระทรวงสาธารณสุขเนื่องจากไม่สามารถตอบแทนได้ และอาจมีการแถลงในประเด็นที่สำคัญดังกล่าวในช่วงบ่ายโมงวันนี้

ขณะที่การบริจาควัคซีนไฟเซอร์ของสหรัฐอเมริกาให้ไทย ซึ่งได้รับจัดสรรมา 1.5 ล้านโดส พล.อ.ณัฐพล ยอมรับว่า มีแนวคิดจะจัดสรรให้ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศ 20% โดยขอให้สังคมนั้นเข้าใจเนื่องจากเป็นการป้องกันโรคโดยรวมของประเทศ

อสส.เผยเร่งตรวจร่างสัญญาจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นาส่งคืนองค์การเภสัชฯแล้ว

รายงานข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดได้แถลงข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 2 ก.ค.64 ว่าไม่มีหน่วยงานหรือองค์กรใดส่งร่างสัญญาการจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นา (Moderna) ให้กับสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาตรวจร่าง และต่อมาในวันเดียวกันเวลาประมาณ 15.00 น.องค์การเภสัชกรรมจึงได้ส่งร่างจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นา (Moderna) ให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาตรวจร่างสัญญานั้น

นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด เปิดเผยว่า เห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเร่งรัดพิจารณาตรวจร่างสัญญาให้เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว จึงได้มอบหมายให้คณะทำงานสำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย โดยนางสาวนารี ตัณฑเสถียร อธิบดีอัยการ สำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย ดำเนินการโดยเร่งด่วนจนการพิจารณาตรวจร่างสัญญาแล้วเสร็จในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา และในวันนี้เมื่อเปิดทำการสำนักงานอัยการสูงสุดจึงส่งคืนสัญญาให้องค์การเภสัชกรรมไปดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ตระหนักในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID19) ที่สังคมไทยเรากำลังเผชิญอยู่และเห็นว่าเป็นสถานการณ์ที่ทุกคนในสังคมจะต้องร่วมมือร่วมใจในการฟันฝ่าปัญหาและอุปสรรคดังกล่าวให้ล่วงพ้นไป สำนักงานยการสูงสุดจึงให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าวนี้เป็นอันดับแรก

เครือข่ายแรงงานบุกทำเนียบตั้งโลงศพ วอนเปิดทางซื้อวัคซีนคุณภาพ-เยียวยาลูกจ้าง

เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน นำโดย น.ส.ธนพร วิจันทร์ ทำกิจกรรมนำโลงศพและวางรูป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม รวมถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขสถานการณ์โควิดไว้ด้านหน้าโลง ทั้งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน พร้อมติดโลโก้พรรคพลังประชารัฐและภูมิใจไทยที่โลง วางดอกไม้จันท์และจุดธูป

น.ส.ธนพร เรียกร้องให้รัฐบาลจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่มีคุณภาพให้กับประชาชนทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยภายในเดือน ต.ค.นี้ โดยให้สำนักงานประกันสังคม และเอกชนสามารถสั่งซื้อโดยตรง รวมทั้งขอให้รัฐบาลจ่ายค่าจ้างเต็มจำนวน และไม่ถือเป็นวันลาในกรณีที่พนักงานที่หยุดงาน เพราะกักตัวหรือเพราะต้องไปรักษาตัวจากการติดเชื้อโควิด-19

อีกทั้งให้รัฐบาลจัดการตรวจคัดกรองเชิงรุกในสถานประกอบการให้กับลูกจ้างทุกคน พร้อมเยียวยาประชาชน และแรงงานข้ามชาติ ที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 เป็นเงินคนละ 5,000 บาทถ้วนหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือน และขอให้รัฐบาลจัดสวัสดิการเพื่อดูแลประชาชนอย่างคุณภาพ และขอให้นายกรัฐมนตรีลาออกเนื่องจากบริหารงานล้มเหลว พร้อมสนับสนุนกลุ่มราษฎรไม่ลดเพดาน 3 ข้อเรียกร้อง

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์

- Advertisement -