รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)

บวกกรอบจำกัด หุ้นกลุ่มพลังงานดูดีขึ้นในระยะสั้น
ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน SET Index วันอังคารปรับขึ้นในกรอบแคบๆ (sideways up)… หลังจากเมื่อวานนี้ ดัชนีฯ ไซด์เวย์ตลอดทั้งวัน (แข็งกว่าที่เราประเมิน โดยปัจจัยลบจาก COVID-19 ภายในประเทศไม่ได้กระทบตลาดมากนัก)… ขณะที่ในวันนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานน่าจะปรับตัวขึ้นตอบรับราคาน้ำมันดิบฟิวเจอร์ที่แรลลี่ต่อในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากกลุ่มโอเปกพลัสประกาศว่าไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆ จากการประชุมในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เนื่องจากสองประเทศได้แก่ซาอุฯ และอาหรับเอมิเรต์ มีความเห็นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน (อ่านเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์ Weekly Commodities วันนี้)

แต่นอกเหนือจากประเด็นราคาน้ำมันแล้ว ปัจจัยอื่นๆ ยังคงบ่งชี้ว่า SET Index จะเทรดในกรอบที่จำกัด ในฝั่งต่างประเทศนั้น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการเมื่อคืนนี้เนื่องในวันหยุดชดเชยวันชาติสหรัฐฯ ขณะที่ตลาดรอดูรายงานการประชุมเฟด (FOMC meeting minutes) ที่จะออกมาในวันพฤหัสฯ นี้

ด้านปัจจัยภายในประเทศ สถานการณ์ COVID-19 ยังค่อนข้างรุนแรง ล่าสุดเช้านี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5,420 ราย (ติดเชื้อภายในประเทศ 5,383 ราย และติดเชื้อในเรือนจำ 37 ราย)

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร FTE, MAJOR*, GPSC*
FTE (ยังไม่มีเป้า Consensus) 1) ประเมินแนวรับ 2.02 บาท / แนวต้าน 2.2 – 2.4 บาท (Stop loss 1.95 บาท) 2) ประเมินรับ FTE ที่เป็นผู้จำหน่ายและออกแบบระบบดับเพลิงจะได้ Sentiment บวกจากเหตุเพลิงไหม้โรงงานที่ จ .สมุทรปราการ โดยคาดว่า จะมี Demand อุปกรณ์ดับเพลิง และความต้องการออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นมาตรฐานมากขึ้น (คาดภาครัฐฯจะมีการตรวจสอบและคุมเข้มระบบความปลอดภัยโดยเฉพาะเรื่องการป้องกันเพลิงไหม้มากขึ้นหลังจากนี้) 3) Valuation ปัจจุบัน PBV 1.67 เท่า Trailing PE 20 เท่า

MAJOR* (เป้าพื้นฐาน 28.25 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 25 บาท / แนวต้าน 26.5 – 28.0 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Stop loss 24 บาท) 2) ประกาศขายหุ้น SF ที่ราคา 12 บาท ฝ่ายวิจัยฯประเมิน MAJOR* จะบันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้นราว 2.8 พันล้านบาท โดยคาดจะมีการจ่ายปันผลปีนี้ราว 2.0 บาท/หุ้น และปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 32.75 บาท (เดิม 28.25 บาท) 3) MAJOR* จะปลดภาระหนี้ในมือ ทำให้เป็น Net cash company ทันที … อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์วันนี้

GPSC* (เป้า Consensus 86.3 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 75.5 บาท / แนวต้าน 77 หากผ่านแนวต้านนี้ไปได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 80 – 85 บาท (Stop loss 72 บาท) 2) ประเมินประมาณการฯใน Bloomberg consensus มี Upside คาดเตรียมเปิดแผนการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนแห่งใหม่ หลังทาง PTT* สนับสนุนเงินลงทุน (เงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำไม่เกิน 3%) 2 หมื่นล้านบาทให้ GPSC* … ทั้งนี้ใน Bloomberg consensus ปัจจุบันคาดกำไรปี 2565 ทรงตัว YoY ที่ระดับ 8.8 พันล้านบาท 3) Upside จากการรุกธุรกิจแบตเตอรี่ของกลุ่ม PTT* (ล่าสุดอยู่ระหว่างเจรจากับทาง Foxconn Technology Group และเปิดตัวธุรกิจมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้า) โดยคาด GPSC* จะเป็น 1 ในหัวหอกสำคัญในธุรกิจนี้ของกลุ่มฯ อย่างน้อยคาดจะเป็นคนสนับสนุนด้าน Energy storage

หุ้นมีข่าว
(+) CPN* มาตามนัดซื้อ SF เมเจอร์ทุบโต๊ะขาย 12บ. กำไรพิเศษ 2,824 ล้าน ทยอยล้างหนี้ 5.3 พันล้าน (ข่าวหุ้น) บอร์ด MAJOR* ไฟเขียวขายหุ้น SF ทั้งหมด 647.16 ล้านหุ้น คิดเป็น 30.36% ในราคาหุ้นละ 12 บาท รวมเป็นเงิน 7,765.90 ล้านบาท ฟาดกำไรพิเศษ 2,824 ล้านบาท พร้อมทยอยคืนเงินกู้ 5,300 ล้านบาท คาดเสร็จสมบูรณ์ 30 ส.ค.นี้ ด้านผู้ถือหุ้น SF มีเฮ! เตรียมล็อกเป้าขาย หลัง CPN* ประกาศตั้งโต๊ะเทนเดอร์ฯ 12 บาท ภายในวงเงิน 17,817 ล้านบาท โบรกฯ คาดมีโอกาสที่ MAJOR* จะจ่ายเงินปันผลพิเศษ ความเห็นนักวิเคราะห์ต่อ CPN: เรามองการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ SF จาก MAJOR เป็นบวกต่อ CPN ในแง่การขยายธุรกิจในระยะยาว ทั้งนี้ การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นที่มาจาก MAJOR จะทำให้พื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นราว 135,949 ตร.ม. คิดเป็น 7.5% ของ NLA ที่ CPN มีอยู่ในปัจจุบัน เราเชื่อว่า CPN คาดหวังการได้สัดส่วนการถือหุ้น 100% ใน SF ซึ่งจะทำให้มีอำนาจการบริหารอย่างเต็มที่ เนื่องจาก SF มีสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ (17 community malls and 1 super regional mall)

(+) PTT* ผนึก OR* เปิดตัว Swap&Go นำร่อง 22 แห่ง ตีตลาดกลุ่มไรเดอร์ (ข่าวหุ้น) “ปตท.” จับมือ OR* เปิดตัว “Swap & Go“ สถานีสลับแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบบไม่ต้องรอชาร์จ รองรับผู้ใช้งานมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า นำร่อง 22 แห่ง ตีตลาดกลุ่ม “ไรเดอร์” รับ-ส่งของเดลิเวอรี่

(+) EA* รุกผลิตรถไฟไฮบริดแบตฯ คาดใช้เวลา 1 ปี ‘วิจัย-พัฒนา’ ร่วมกับ ‘ไชน่า เรลเวย์’ (กรุงเทพธุรกิจ) ลงทุนสร้างโรงงานประกอบหัวรถจักร-ศูนย์ซ่อม ฯลฯ “พลังงานบริสุทธิ์” เซ็น เอ็มโอยู ไชน่า เรลเวย์ฯ วิจัย-พัฒนา รถไฟไฮบริดแบตเตอรี่ คาด 1 ปี ได้ข้อสรุป ลงทุนสร้างโรงงานประกอบหัวรถจักร-ขนส่งมวลชนไฮบริดแบตเตอรี่-ศูนย์ซ่อมบำรุง-ซ่อมแซมรถไฟความเร็วสูง ยันโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน เริ่มผลิตไตรมาส 3/64 จ่อขยายเฟส 2 หากผลตอบรับดี

(+) BCPG* เปิดเกมรุกแบต ชูลงทุน VRB เทคโนล้ำ (ทันหุ้น) BCPG* เอาด้วยรุกธุรกิจแบตเตอรี ใช้วิธีซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพ VRB ผู้ผลิตแบตวานาเดียมรีดอกซ์โฟลว์ ที่มีเทคโนโลยีล้ำ แบตเตอรีเสถียร-ลงทุนต่ำ-รีไซเคิลได้ เล็งแปลงสภาพถือหุ้นปีหน้า ชี้ตอบโจทย์แบตโรงไฟฟ้าเข้าทางบริษัทเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ลม เล็งนำผลิตขายในไทยด้วย ด้านนักวิเคราะห์ชี้ เมกะเทรนด์ส่งผลดี BCPG เพิ่มรายได้

(+ LEO, III) ส่งออกออนไลน์พุ่งหมื่นล. ข่าวสด นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมสรุปผลการดำเนินการส่งเสริมการส่งออกผ่านช่องทางออนไลน์ในช่วงครึ่งปีแรก 2564 ท่ามกลางข้อจำกัดทั้งเรื่องการเดินทาง การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยสามารถผลักดันการขายสินค้าไทยผ่านช่องทางออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ มีมูลค่า 10,152 ล้านบาท โดยงานสำคัญที่จัดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เช่น งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม THAIFEX Virtual Trade Show ที่จัดต่อเนื่องถึงวันที่ 3 ต.ค.2564 รวมถึงการจัดกิจกรรมในรูปแบบ Mirror-Mirror

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า
SCGP* (เป้า Consensus 60.8 บาท) แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 62 บาท)
EPG* (เป้าพื้นฐาน 15.5 บาท) แนวรับ 11.6 บาท / แนวต้าน 12.0 – 12.5 บาท (Stop loss 11.5 บาท)
LEO (เป้าพื้นฐาน 11.3 บาท) แนวรับ 10.0 บาท / แนวต้าน 10.6 – 10.8 บาท (Stop loss 9.5 บาท)
CRC* (เป้า Consensus 39.5 บาท) แนวรับ 33.5 บาท / แนวต้าน 35 – 36 บาท (Stop loss 31 บาท)
SIMAT (เป้าพื้นฐาน 6.8 บาท) แนวรับ 5.4 บาท / แนวต้าน 5.95 – 6.15 บาท (Stop loss 5.3 บาท)
W (ยังไม่มีเป้า Consensus) แนวรับ 3.4 บาท / แนวต้าน 3.6 – 3.8 บาท (Stop loss 3.3 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
MAJOR* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 32.75 บาท ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินการขายหุ้น SF ที่ราคา 12 บาทให้ CPN* เป็นบวก โดย i) คาดกำไรพิเศษ 2.8 พันล้านบาท ii) คาดเงินสดในมือ MAJOR* ที่มากขึ้น (สถานะหลังดีลนี้ MAJOR* จะเป็น Net cash company ทันที) iii) คาดปันผล 2 บาท/หุ้น iv) แม้ฝ่ายวิจัยฯจะปรับประมาณการฯปี 2565 ลง เนื่องจากส่วนแบ่งรายได้จาก SF ที่ลดลงในปีหน้า แต่ด้วยกระแสเงินสดในมือที่มากขึ้น ราคาเหมาะสมด้วยวิธี DCF จึงปรับขึ้นเป็น 32.75 บาท (เดิม 28.25 บาท ใช้วิธีเป้าหมาย PE)

INTUCH* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 66 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 2Q64 = 2.72 พันล้านบาท (+2% QoQ, -9% YoY) กำไรที่คาดจะดีขึ้น QoQ ได้ธุรกิจของ ADVANC* หนุน ขณะที่กำไรคาดจะลดลง YoY เป็นผลจากคาด THCOM จะรายงานผลขาดทุนในไตรมาสนี้ พลิกจากกำไรใน 2Q63
 CPALL* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 70 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 2Q64 = 1.8 พันล้านบาท (-36% YoY, -29% QoQ) โดยกำไรที่ลดลงสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายทางการเงินที่เพิ่มขึ้นมากในไตรมาสนี้ (มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการออก Bridging loan) ซึ่งคาดว่ารายจ่ายทางการเงินจะลดลงในไตรมาสถัดไป

MAKRO แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 46 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 2Q64 = 1.4 พันล้านบาท (+20% YoY, -19% QoQ) โดยกำไรที่คาดดีขึ้น YoY เป็นผลจากฐานต่ำในปีก่อน ขณะที่กำไรที่คาดลดลง QoQ เป็นผลจากปัจจัยฤดูกาล

Strategic SET daily
Market strategy Thailand

  จิตวิทยาตลาดวันนี้: — กรอบราคา 1576 – 1582 จุด

วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1582 จุดนั้น อาจทรงราคาขึ้นในกรอบ 1582-1603 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1576 จุดนั้น อาจทรงราคาลงในกรอบ 1576-1564 จุด

แนวรับวันนี้: 1576/1566 แนวต้านวันนี้: 1582/1597

- Advertisement -