รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“Selective Play”

CNS Daily Strategy: คาดตลาด “Sideways” ต้าน 1585/1596 จุด รับ 1565/1561 จุด การประชุม OPEC+ วานนี้ยังไม่มีบทสรุป และได้เลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งการที่ยังไม่ปรับเพิ่มกำลังการผลิต หนุนราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวขึ้น +1.3% สู่ 77.16 เหรียญ/บาร์เรล บวกต่อกลุ่มพลังงาน แต่อย่างไรก็ดี ภายในยังเผชิญผู้ติดเชื้อยังทรงตัวสูง ขณะที่ภูเก็ตพบผู้ติดเชื้อในโรงเรียน จึงปิดโรงเรียน 4 แห่ง ซึ่งหากระบาดเป็นวงกว้าง จะกระทบ Phuket Sandbox นอกจากนี้ ภาครัฐฯกำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีการขายหุ้นที่ 0.11% สำหรับนักลงทุนที่ซื้อขายเกิน 1 ล้านบาทต่อเดือน อาจเป็นจุดเริ่มต้นของแผนปฏิรูปภาษีแต่ยังไม่มีรายละเอียด แนะติดตาม วันนี้แนะ “Selective Play” : GPSC, PTTGC, SAPPE

Nomura : Key Factors
• (*) OIL: การประชุม OPEC+ วานนี้ยังไม่มีบทสรุป และได้เลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
• (+) OIL: วานนี้ WTI -0.07$(-0.09%) สู่75.16/bbl, BRT +0.99$(+1.30%) สู่77.16/bbl
• (+/-) Asia: Fund Flows วานนี้ซื้อเกาหลี และไต้หวัน แต่ขายทุกประเทศในกลุ่ม TIPs
• (-) TH: ภูเก็ตเริ่มพบผู้ติดเชื้ออภายในในโรงเรียน จับตาว่าจะระบาดเป็นวงกว้างหรือไม่
• (-) TH: รัฐฯพิจารณาเรียกเก็บภาษีการขายหุ้นที่0.11% สำหรับการซื้อขายเกิน 1 ลบ/เดือน
• (*) Fund Flows: หุ้น -148 ลบ, สัญญา Future +6,424 สัญญา, Bond +206 ลบ

Nomura Daily Top Picks: GPSC, PTTGC, SAPPE

Equity Daily Outlook : คาดตลาด “Sideways” ต้าน 1585/1596 จุด รับ 1565/1561 จุด การประชุมของกลุ่ม OPEC+ วานนี้ยังไม่มีบทสรุปของกำลังการผลิตน้ำมัน และทำการเลื่อนการประชุมออกไปอย่างไม่มีกำหนด หลัง UAE ยอมรับข้อเสนอในการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันรวม 2 ล้านบาร์เรล/วัน ตั้งแต่เดือนส.ค.-ธ.ค. 2021 แต่ไม่ยอมรับข้อเสนอให้ขยายเวลาในการลดกำลังการผลิตที่เหลือไปจนถึงปลายปี 2022 จากเดิมจะสิ้นสุดลงที่เดือนเม.ย. 2022

นอกจากนี้ ทาง UAE ยังเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ในการกำหนดระดับการผลิตขั้นต่ำ เพื่อเพิ่มโควต้าการผลิตน้ำมันของ UAE ขึ้น ซึ่งการที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ และยังไม่ได้ปรับเพิ่มกำลังการผลิตนั้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวขึ้น +1.3% สู่ 77.16 เหรียญ/บาร์เรล บวกต่อกลุ่มพลังงาน ขณะที่ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยได้แรงหนุนจาก Fund Flows วานนี้ที่เป็นยอด Net Buy ที่ 519 ล้านเหรียญ โดยซื้อสุทธิในเกาหลี และไต้หวัน แต่ขายทุกประเทศในกลุ่ม TIPs

ซึ่งไทยยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดภายใน โดยยอดผู้ติดเชื้อวันนี้เพิ่มขึ้น 5,420 ราย แบ่งเป็น ทั่วไป 5,383 ราย เรือนจำ 37 ราย เสียชีวิตยังสูงที่ 57 ราย ขณะที่สถานการณ์ในภูเก็ต ในสัปดาห์ที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อ Covid-19 เดินทางจาก กทม.โดยเครื่องบิน และได้มีการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ขณะที่ล่าสุด มีการประกาศปิดสถานศึกษา 4 แห่ง หลังพบว่ามีผู้ปกครองและนักเรียนติดเชื้อ Covid-19 จึงต้องจับตาว่าจะเกิดการแพร่ระบาดในวงกว้างหรือไม่ ซึ่งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจากโครงการ Phuket Sandbox หรือหากสถานการณ์เลวร้าย อาจทำให้โครงการดังกล่าวต้องหยุดชะงัก

ส่วนปัจจัยอื่นๆ สำนักข่าวรอยเตอร์และบลูมเบิร์ก รายงานปัจจัยที่อาจเป็นลบกดดันตลาดหุ้นไทย คือ ประเด็นภาครัฐฯกำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีการขายหุ้นที่ 0.11% สำหรับนักลงทุนที่ซื้อขายเกิน 1 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งภาษีดังกล่าวได้ถูกผ่อนผันมาตั้งแต่ปี 1991 ทีมกลยุทธ์คาดว่าน่าจะเป็นแผนปฏิรูปภาษีที่กำลังพิจารณาในขั้นต้นเท่านั้น แต่ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน แนะติดตาม

Daily Strategy : ภายในยังคงเผชิญการแพร่ระบาดรุนแรง และ Phuket Sandbox เริ่มมีความเสี่ยง อาจกระทบความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว กระทบกลุ่ม Re-Opening และกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ กลยุทธ์แนะ Selective รายกลุ่ม เน้น อ่อนตัวซื้อ กลุ่ม Earnings กลุ่มส่งออกที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า กลุ่มสื่อสารฯ ที่เป็น Value Play กลุ่มโรงพยาบาลที่กำไรเข้าสู่ช่วงเร่งตัว และกลุ่มเครื่องดื่ม ขณะที่คงน้ำหนักการลงทุนที่ 50%

• Research Highlight :

▪ GPSC (BUY, TP91.5) : เราเริ่มคำแนะนำ Buy ต่อ GPSC ที่ TP22F = 91.50 บาท/หุ้น มองน่าสนใจเพราะ 1) ปัจจัยกดดันจากการปิดซ่อมผ่านไปแล้วใน 1H21F ส่งให้ 2H21F – 2022F แนวโน้มกำไรปกติฟื้น 2) ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ที่ยังไม่แน่นอนต่ำกว่ากลุ่ม 3) มีโรงไฟฟ้าทยอย COD เพิ่มใน 2023F 4)ฐานธุรกิจไฟฟ้า SPP มั่นคงกว่ากลุ่ม 5) มีธุรกิจ new S-curve อย่างธุรกิจ Battery หนุนในระยะยาว และ 6) มีโอกาสมีupside จากโครงการโรงไฟฟ้าระหว่างเจรจา

▪ SAPPE (BUY, TP38) : บริษัทฯได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 ชนิดได้แก่ 1) ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เครื่องดื่ม Shot ชุ่มคอ ตราตะขาบ 5 ตัว (ราคาขายที่ 29 บาท) 2) ผลิตภัณฑ์ขนม (ลูกอมเคี้ยวหนึบหรือลูกอมแบบนิ่ม) ลูกอมครูเพ็ญศรี(ราคาขายที่20 บาท) ร่วมมือกับ Workpoint เรามีมุมมองเป็นบวกต่อผลิตภัณฑ์ใหม่ดังกล่าว เบื้องต้นเราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ TP22F 38 บาท ซึ่งเป้ายอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจากสินค้าใหม่และแผนธุรกิจเชิงรุกของบริษัทฯนี้อยู่ในประมาณการที่คาดไว้แล้ว โดยเรามองยังเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มฯ ที่มีValuation ที่ต่ำกว่ากลุ่มมาก โดยมีPER 22F 15.7 เท่า เทียบกับกลุ่ม 27-30 เท่า และระยะสั้นยังได้แรงหนุนจากค่าเงินบาทอ่อนที่เป็นผลบวกต่อธุรกิจส่งออก

▪ AEONTS (BUY, TP253) : เรามีมุมมอง Slightly Positive ต่อกำไรสุทธิ1Q22 อยู่ที่ 1,149 ลบ. ดีกว่าเราและตลาดคาด เพราะค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ที่น้อยกว่าคาด จากการคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และ Minority Interest ที่มีการบวกกลับเข้ามา เพราะบริษัทย่อยในต่างประเทศขาดทุน โดยกำไรเพิ่มขึ้น +117%y-y เพราะไม่มีการตั้ง Management Overlay เหมือนในช่วง 1Q21 ขณะที่กำไรลดลง -3% q-q เพราะมีการตั้งสำรองเพิ่มในธุรกิจที่พม่า จากการหยุดกิจการชั่วคราว สำหรับการดำเนินงานของธุรกิจหลัก PPOP หดตัว y-y เพราะการลดลงของสินเชื่อรวม และ NIM ขณะที่ PPOP เพิ่มขึ้น q-q เพราะ OPEX ลดลง ในด้านคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น NPL Ratio ปรับระดับลงอยู่ที่ 5.70% จาก 4Q21 ที่ 5.77% เพราะลูกหนี้บางส่วนกลับมาชำระหนี้ได้และการ write-off ที่มากขึ้น

▪ ENERGY (BULLISH) : สัปดาห์ก่อน อะโรเมติกส์(ปิโตรเคมี) ดีสุดปรับเพิ่มสูง w-w หลักๆจากปัจจัยการเลื่อน COD ของโรงใหญ่ในจีนหนุน ซึ่งเรามอง PTTGC, TOP ได้ประโยชน์เด่น ส่วนโอเลฟินส์เพิ่มขึ้นเล็กน้อย w-w จากฐานต่ำ โดยด้าน demand ยังชะลอ ส่วนโพลีเอสเตอร์แย่สุด (IVL) จาก feedstock กดดัน ฝั่งต้นน้ำ มีปัจจัยหนุนเล็กน้อยตามราคาน้ำมันดิบที่ยังเพิ่มขึ้นบนกรอบแคบ w-w ได้ปัจจัยบวกจากความคาดหวัง OPEC+ ปรับเพิ่ม supply ไม่เร็ว ส่วนโรงกลั่น ยังแย่ ค่าการกลั่นยังลดลง ww ตาม spread Jet และ GO ที่ถูกความกังวล COVID-19 ในเอเชียกดดัน เรามอง TOP แย่น้อยสุดจากมีอะโรเมติกส์ช่วยรองลงมาเป็น SPRC ที่มีแรง support ของ gasoline ส่วน BCP แย่สุด (yield GO สูงสุดในกลุ่ม)

• Commodities : 1)ราคาน้ำตาล +1.17% สู่ 18.15 เซนต์ต่อปอนด์ บวกต่อ KSL 2)ราคา
ถ่านหิน +2.18% สู่ 137 เหรียญ/ตัน บวกต่อ BANPU 3)ราคาถั่วเหลือง 0.21% สู่ 1449.75
เซนต์/บุชเชล บวกต่อ TVO

• (+) Cannabis/Hemps: ทางการทยอยประกาศใบอนุญาต โรงสกัดกัญชง ซึ่งเป็นปัจจัย
บวกต่อกลุ่ม และช่วงถัดไป การพิจารณา การใช้CBD/THCเป็นส่วนผสมของการใช้ภายในจะเริ่มขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มหุ้นที่เตรียมผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ นอกจากนี้ทางการยังใกล้ปลดล๊อคพืชเกษตรอย่างกระท่อม ซึ่งมีสรรพคุณช่วยลดอาการปวดเมื่อย และมีกำลัง คล้าย Energy Drink เป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม กลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไร กลุ่มต้นน้ำ RBF, GUNKUL, STPI กลุ่มการสกัด RBF, KWM และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม OSP, ICHI, SAPPE

• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า ทุกๆ 1 บาท บวกต่อเกษตรอาหาร กำไรสุทธิเพิ่ม 3-1% TU, CPF, ASIAN, NER, XO, SAPPE กลุ่มชิ้นส่วนฯ กำไรสุทธิเพิ่ม3-2% SVI, HANA, KCE กลุ่มนิคม AMATA กลุ่มวัสดุ EPG +3% ลบต่อ Airline โรงไฟฟ้า

  • July Top Picks: KCE, TOA, TIDLOR, TVO, SAT, ICHI, PM

- Advertisement -